การเดินทางแห่งการบรรเทาทุกข์แผ่นดินไหวในเมียนมา: บันทึกจากคณะนักบวชหมู่บ้านพลัม ประเทศไทย
- Thai Plum Village
- 11 พ.ค.
- ยาว 2 นาที
เพื่อน ๆ ที่รักทั้งใกล้และไกล
โปรดหายใจดั่งกายเดียวกัน
ในฐานะส่วนหนึ่งของสังฆะหมู่บ้านพลัมแห่งเอเชีย และด้วยความสัมพันธ์อันยาวนานกับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) และ วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ (IBSC)
สังฆะหมู่บ้านพลัมประเทศไทยขอประกาศระดมทุนในการช่วยเหลือและสนับสนุนการบูรณะและก่อสร้างวัด Ma Soe Yein ในประเทศเมียนม่า ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา โดยวัดแห่งนี้เป็นสถานที่พำนักและปฏิบัติธรรมของพระภิกษุสามเณรจำนวนถึง 2,800 รูป โดยในจำนวนนั้นมีบางท่านที่กำลังทำการศึกษาอยู่ ณ วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ (IBSC)
ด้วยตระหนักว่าฤดูกาลเข้าพรรษากำลังมาถึงในเวลาอีกไม่นาน เราจึงขอเชื้อเชิญเพื่อนๆ ร่วมบริจาคเพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์และช่วยให้เหล่าพระภิกษุสามเณรมีเงื่อนไขปัจจัยเพียงพอในการดำเนินการศึกษาและปฏิบัติธรรม
นอกจากนี้ ยังมีความจำเป็นเร่งด่วน! เกี่ยวกับการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งทางคณะนักบวชหมู่บ้านพลัมประเทศไทยจะช่วยนำไปยังพื้นที่ประสบภัย ในวันพฤหัส ที่ 24 เมษายนนี้
ต่อไปนี้คือบันทึกของการเดินทางนั้นเพื่อมอบความช่วยเหลือ เขียนโดยหลวงพี่ Nhat Nhiem หนึ่งในพระสงฆ์ที่เข้าร่วมในการเดินทางครั้งนี้ 19 เมษายน 2568 พญ. สุธิดา สุวรรณเวโช และ พญ. ช่อทิพย์ นาถสุภา พัฒนะศรี เป็นตัวแทนสังฆะถวายยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์แด่พระภิกษุเจิน เจ่ย กี่ โหงะ พระธรรมาจารย์หมู่บ้านพลัมประเทศไทย เพื่อนำไปมอบให้สถานพยาบาล ในเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวงจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา
เราขอขอบคุณพี่น้องทุกท่านที่ร่วมกันบริจาคเงินจำนวน 262,180 บาท ช่วยให้เรามีปัจจัยเพียงพอในการจัดหายาและอุปกรณ์ทางการแพทย์เบื้องต้น ที่หลวงพี่จากหมู่บ้านพลัมประเทศไทยจะนำไปพม่าได้ เราจึงขอปิดการรับบริจาคผ่านบัญชีของคุณหมอทั้งสอง
23 เมษายน 2568
เรารวบรวมเวชภัณฑ์ทั้งหมด บรรจงจัดเรียงและบรรจุลงกล่องด้วยความเคารพนบนอบ การกระทำทุกการกระทำของเราเป็นไปด้วยความตั้งใจจริง ด้วยเราปรารถนาที่จะให้เวชภัณฑ์เหล่านี้ไปถึงประชาชนในประเทศเมียนมาที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ การกระทำเช่นนี้ทำให้เราระลึกถึงพระอาจารย์ที่รักของเรา ท่านเคยบรรจงห่อยารักษาโรคห่อแล้วห่อเล่า เพื่อส่งไปให้ผู้คนที่กำลังเผชิญความยากลำบากในเวียดนาม
หลวงปู่บันทึกเหตุการณ์นี้เป็นบทกวีว่า
'ข้อความทุกบรรทัดคือบทกวี
ฝาขวด(ยา) ทุกฝาดั่งบทกวี
บ่มเพาะความรักอย่างแนบเนียน' 25 เมษายน 2568
(วันที่ 2 ในแผ่นดินเมียนมา)
พวกเราออกจากย่างกุ้งไปเมืองตองยีในรัฐฉานตอนตีสาม พื้นที่รอบ ๆ เมืองตองยีได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวหนักมากเช่นกัน จากที่คาดว่าจะใช้เวลาเดินทาง 9 ชั่วโมง เรากลับใช้เวลานานถึง 15 ชั่วโมงเนื่องจากมีด่านตรวจตลอดเส้นทาง
พอไปถึง เราได้นำยาและเวชภัณฑ์ที่พี่น้องชาวหมู่บ้านพลัมผู้มีจิตเมตตาร่วมกันสมทบทุนซื้อ รวมถึงส่วนที่ได้รับความเกื้อกูลจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ในราคาทุนไปมอบให้โรงพยาบาล Khaing Myitta ในตองยี
เมื่อเร็ว ๆ นี้ โรงพยาบาล Khaing Myitta ได้จัดตั้งปฏิบัติการช่วยเหลือด้านการแพทย์ให้แก่ชุมชนใกล้เคียงที่ประสบภัยแผ่นดินไหว ในเขตทะเลสาบอินเลใกล้กับตองยี บ้านเรือนจำนวนมากพังถล่มลงมา ทำให้ผู้คนต้องออกมาอยู่กลางแจ้ง ผู้คนมากมายได้รับบาดเจ็บ มีทั้งที่กระดูกหักและเป็นแผลเปิด และต้องดำรงชีวิตโดยปราศจากสุขอนามัยอย่างสิ้นเชิง ด้วยเหตุนี้ โรงพยาบาลท้องถิ่นจึงต้องการยาและเวชภัณฑ์อย่างเร่งด่วนเพื่อรักษาผู้ประสบภัย
โรงพยาบาลจะแจกจ่ายเวชภัณฑ์ที่ได้รับบริจาคมาให้แก่ผู้ที่ต้องการ และได้ขอให้พวกเราช่วยเกื้อกูลผู้ป่วยที่รับภาระค่ารักษาพยาบาลเองไม่ไหว 26 เมษายน 2568
พวกเราเดินทางจากตองยีไปถึงมัณฑะเลย์ตอนบ่ายสาม ระยะทางที่ยาวไกลถึง 264 กิโลเมตรนั้นคดเคี้ยวไปตามช่องเขาที่ขรุขระ มัณฑะเลย์เป็นหนึ่งในสองเมืองที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อปลายเดือนมีนาคม ภาพแรกที่เห็นเมื่อเข้าสู่เขตเมืองคือ ภาพบ้านเรือนและวัดวาอารามที่พังทลาย ผู้คนยังคงวุ่นอยู่กับการจัดการซากอิฐซากปูนที่เกิดจากแผ่นดินไหว
ไกด์ท้องถิ่นพาพวกเราไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งพังราบเป็นหน้ากลอง หลาย ๆ ครอบครัวสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง และจำเป็นต้องออกมานอนกลางแจ้งเผชิญกับอากาศร้อนที่สูงถึง 40 องศาเซลเซียสในยามเที่ยงวัน เราพบแม่ที่เฝ้ามองลูกสาวของเธอถูกก้อนอิฐหล่นลงมาทับตายอย่างสิ้นหวัง สามีที่โศกเศร้าจากการสูญเสียภรรยาซึ่งเสียชีวิตในขณะที่พยายามช่วยแม่ของเธอ หญิงคนหนึ่งที่เสียสามีไปร้องไห้โฮเมื่อได้รับเงินบริจาคเล็ก ๆ น้อย ๆ ชายผู้ซึ่งสูญเสียคนในครอบครัวทั้งหมดนั่งจมปลักอยู่กับความสิ้นหวัง ราวกับไม่ปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
ไม่มีอะไรชดเชยความสูญเสียของพวกเขาได้ เราทำได้เพียงดำรงอยู่ตรงนั้น และมอบหัวใจแห่งการรับฟังของเราให้เพื่อแบ่งเบาความทุกข์อันแสนสาหัสของพวกเขา
หลังออกจากหมู่บ้านนั้น พวกเราไปเยือนวัด Masoyen ซึ่งเป็นที่พำนักของพระสงฆ์ราว 3,000 รูป อาคารหลัก ๆ ของวัดถล่มลงมาทั้งหมด ส่วนอาคารอื่น ๆ แม้จะไม่ถล่มแต่ก็ถูกระบุว่า ไม่ปลอดภัยและจะต้องถูกรื้อถอน เราบริจาคเงิน 8,000 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับสนับสนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัด และอีก 2,000 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับช่วยค่าครองชีพของพระสงฆ์ เราหวังว่า วัดจะได้รับการฟื้นฟูบูรณะโดยเร็ว และกลับมาเป็นปูชนียสถานที่หล่อเลี้ยงหนทางทางจิตวิญญาณให้แก่เหล่าสานุศิษย์ของพระพุทธองค์ต่อไป
คืนนี้เป็นคืนที่ไม่มีวันลืม พวกเราได้ลิ้มรสความยากลำบากเสี้ยวเล็ก ๆ ที่ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวเผชิญอยู่ นั่นก็คือ การนอนกลางแจ้งโดยไม่มีไฟฟ้า ต้องทนกับอากาศที่ร้อนอบอ้าวกว่า 32 องศาเซลเซียส และตื่นขึ้นกลางดึกสองครั้งด้วยแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวขนาด 4.0 และ 3.2 ตามมาตราริกเตอร์
27 เมษายน 2568 – วันสุดท้ายของภารกิจลดทอนความทุกข์ในเมียนมา
วันนี้พวกเราออกเดินทางไปโรงพยาบาลมัณฑะเลย์แต่เช้า ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวเกือบ 50 คนยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่นั่น ผู้ป่วยส่วนใหญ่บาดเจ็บด้วยอาการแขนหัก ขาหัก มีแผลไฟไหม้รุนแรง หรือถึงขนาดสูญเสียแขนขา สามเณรและสามเณรีน้อย ๆ บางคนที่ทนความเจ็บปวดไม่ไหว จะร้องไห้จนหมดสติไป เรามอบเงินบริจาคให้แก่พวกเขาคนละ 20,000 - 60,000 จัต (ประมาณ 10 – 30 ดอลลาร์สหรัฐ) โดยดูจากสภาวะของแต่ละคน
หลังจากออกจากโรงพยาบาล เราเดินทางต่อไปยังเมืองสะกาย เมืองนี้เป็นศูนย์กลางแผ่นดินไหวแห่งที่สอง และเป็นที่ตั้งของวัดวาอารามที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมียนมาหลายวัด พอข้ามพ้นสะพานสะกาย ภาพความหายนะที่ปรากฏตรงหน้าเรานั้นหนักกว่าที่เคยเห็นในมัณฑะเลย์ ความพังพินาศในมัณฑะเลย์อาจจะเกินรับไหว แต่ก็เทียบไม่ได้กับภาพที่เราเห็นที่นี่เลย ทั้งถนนและสะพานพังหมด ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ และวัดต่าง ๆ เสียหายหนักมาก
เราเดินทางไปยังเทือกเขาสะกาย ที่นั่นมีสำนักชีราว 200 แห่ง แต่ละแห่งมีแม่ชีพำนักอยู่หลายสิบคน สำนักชีส่วนใหญ่ยังคงขาดทรัพยากรที่จะนำมาใช้ฟื้นฟูบูรณะ เรามอบเงินบริจาคให้ที่นี่รวมทั้งสิ้น 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ และร้องเพลงแห่งสติให้แม่ชีตัวน้อย ๆ ฟัง
แม่ชีนำทางเราไปเยือน Tha Kya Di Tar ซึ่งเป็นสถาบันชาวพุทธที่ใหญ่ที่สุดในเขตนี้ แม่ชีบวชใหม่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมียนมาหลายคนผ่านการอบรมจากสถาบันนี้ น่าเศร้าเหลือเกินที่อาคารทุกอาคารของสถาบันไม่อยู่ในสภาพที่ใช้การได้เลย แม่ชีที่เป็นอาจารย์ใหญ่และรองอาจารย์ใหญ่ รวมถึงแม่ชีอีก 7 คน เสียชีวิตในเหตุการณ์แผ่นดินไหว เราบริจาคเงินที่เหลืออยู่จำนวน 3,000 ดอลลาร์สหรัฐให้แก่สถาบันแห่งนี้ นับเป็นเงินจำนวนน้อยนิดเมื่อเทียบกับค่ารื้อถอนอาคารที่ถล่มเพียง 1 อาคารซึ่งแพงมหาศาล
หลังจากนั้น เราไปโรงพยาบาลสะกาย และมอบเวชภัณฑ์ครึ่งหนึ่งของส่วนที่เหลืออยู่ให้โรงพยาบาล พร้อมทั้งมอบของขวัญให้แก่ผู้ประสบภัยที่นั่น
พวกเราข้ามสะพาน Doke Hta Wadi ที่พังเสียหาย เพื่อไปยังหมู่บ้านมุสลิม 3 หมู่บ้านที่ถูกรอยแยกของแผ่นดินไหวแยกออกจากกัน ชาวบ้านมากมายเสียชีวิตตอนที่เพดานของมัสยิดถล่มลงมาในขณะที่เกิดแผ่นดินไหว เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบอกเราว่า หมู่บ้านสองแห่งของที่นี่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือเลย เรามอบเงินให้ครอบครัวละ 100,000 จัต (ประมาณ 25 ดอลลาร์สหรัฐ) พอให้พวกเขาประทังชีวิตไปได้ประมาณ 1 สัปดาห์
ในช่วงสี่วันที่ผ่านมา พวกเราห้าชีวิตมุ่งมั่นที่จะใช้ทุกชั่วโมงที่มีอยู่เพื่อนำการสนับสนุนและความเมตตากรุณาของสังฆะทั้งใกล้และไกลมาส่งมอบให้แก่ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว เราได้ทำงานเพื่อแบ่งปันข้อมูลที่เที่ยงตรงและทันเหตุการณ์ แต่เราก็รู้ซึ้งว่า ที่นี่ยังต้องการความช่วยเหลืออีกมหาศาลและธารน้ำใจอีกเหลือคณานับกว่าจะผ่านพ้นความวินาศสันตะโรนี้ไปได้ เราสวดมนต์จากใจ เพื่อขอพรจากพระรัตนตรัย อันได้แก่ พุทธะ ธรรมะ และสังฆะ ให้แก่ประชาชนในประเทศเมียนมา
สรุปพื้นที่ที่ต้องการความสนับสนุนเพิ่มเติมโดยด่วน
- สถาบันชาวพุทธ Tha Kya Di Tar (รื้อถอนอาคารที่เสียหายและสร้างใหม่)
- สำนักชีในเทือกเขาสะกาย (ที่พำนัก)
- หมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้กับสะพาน Doke Hta Wadi (ซื้อน้ำสะอาดและสุขอนามัย)
และแล้วตอนสี่ทุ่มครึ่ง แผ่นดินไหวขนาด 4.4 แมกนิจูดก็สั่งลาพวกเราเป็นครั้งสุดท้ายที่มัณฑะเลย์
29 เมษายน 2568
เราเดินทางกลับถึงหมู่บ้านพลัมโดยสวัสดิภาพตอนตีหนึ่ง แม้ว่ายอดเงินบริจาคทั้งหมด 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ จะดูเหมือนไม่มากเลย แต่หากคณะพระธรรมาจารย์ไม่ได้สนับสนุน อวยพร และอนุญาตให้พวกเราเดินทางไป และสังฆะพุทธบริษัทสี่ไม่ได้ร่วมเกื้อกูลและสมทบทุน เราก็คงไม่สามารถนำเงินจำนวนนี้ไปให้แก่ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวได้


