top of page

หลวงปู่ ติช นัท ฮันห์

พระอาจารย์เซน ติช นัท ฮันห์ เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณระดับโลก กวี
และนักกิจกรรมเพื่อสันติ เป็นที่รู้จักแพร่หลายด้วยคำสอนอันทรงพลัง
และหนังสือติดอันดับขายดียอดเยี่ยมว่าด้วยสติและสันติภาพ
เป็นพระภิกษุที่สุภาพและถ่อมตนรูปหนึ่งซึ่ง ดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์
เรียกขานท่านว่าเป็น “ผู้สื่อสารแห่งสันติภาพและการไม่ใช้ความรุนแรง”
ในคราวเสนอชื่อท่านเพื่อรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ระหว่างที่ลี้ภัยจากบ้านเกิดของท่านในเวียดนามนานร่วม ๔ ทศวรรษ ติช นัท ฮันห์ได้เป็นผู้บุกเบิกพุทธศาสนาและการฝึกเจริญสติในโลกตะวันตก รวมทั้งก่อตั้งชุมชนแห่งพุทธศาสนา
ที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแห่งศตวรรษที่ ๒๑

Thay_22.jpg

ชีวประวัติ

การอ่านชื่อของหลวงปู่

ชื่อของท่านมีความหมายว่า

“การกระทำเพียงหนึ่ง”

ในสำเนียงเวียดนามออกเสียงว่า

“ทิจ ญั๊ต หั่ญ” 

 โดย “ติช นัท ฮันห์”  

เป็นการออกเสียงตามแบบของ

ลูกศิษย์ชาวฝรั่งเศส  

ส่วนลูกศิษย์ทั่วไปของท่านเรียกขานท่านว่า “ไถ่” (Thay) ในภาษาเวียดนาม หมายถึง “ครู”

กิจกรรมเพื่อสังคมระหว่างสงครามเวียดนาม   

เมื่อเกิดสงครามในเวียดนาม พระภิกษุและภิกษุณีต้องเผชิญกับคำถามว่า เราควรจะมุ่งสู่วิถีชีวิตแห่งการภาวนาปลีกวิเวกและบำเพ็ญสมาธิในวัดต่อไปหรือควรออกไปช่วยเหลือผู้คนที่กำลังทนทุกข์อยู่กับลูกระเบิดและความโกลาหลแห่งสงคราม ติช นัท ฮันห์เป็นหนึ่งในผู้ที่เลือกจะทำทั้งสองอย่าง และในการเลือกทำเช่นนี้จึงเกิดการก่อตั้งขบวนการพุทธศาสนาที่เข้าหาชีวิต (Engaged Buddhism) โดยเป็นศัพท์ที่บัญญัติในหนังสือของท่านเรื่อง “เวียดนาม ดอกบัวกลางทะเลเพลิง” นับแต่นั้นมา ชีวิตของท่านจึงอุทิศเพื่อการทำงานแปรเปลี่ยนภายในจิตใจเพื่อประโยชน์สุขแก่ปัจเจกบุคคลและสังคม

ช่วงปีแรกแห่งชีวิต      

ถือกำเนิดในปี 1926 ในภาคกลางของประเทศเวียดนาม และได้เข้าบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดตื่อเฮี้ยว เมืองเว้ เมื่ออายุได้ 16 ปี  และเข้ารับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุในปี 1950s ท่านได้เข้าร่วมขบวนการปรับปรุงพุทธศาสนายุคใหม่ในเวียดนามอย่างแข็งขัน และเป็นหนึ่งในพระภิกษุรูปแรกๆ ที่เข้าศึกษาในสาขาวิชาทางโลก ในมหาวิทยาลัยแห่งไซ่ง่อน และเป็นหนึ่งในหกของพระรูปแรก ๆ ในเวียดนามที่เริ่มใช้รถจักรยาน

ในปี 1961 ติช นัท ฮันห์เดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อสอนวิชาศาสนาเปรียบเทียบที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน และในปีถัดมาก็ได้ออกเดินทางสอนและศึกษาวิจัยเกี่ยวกับพุทธศาสนาที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย   ช่วงต้นทศวรรษ 1960 ติช นัท ฮันห์ ได้ก่อตั้ง โรงเรียนเยาวชนบริการสังคม (School of Youth and Social Service) ในเวียดนามซึ่งเป็นองค์กรบรรเทาทุกข์ ระดับรากหญ้า ประกอบไปด้วยอาสาสมัครกว่า 10,000 คน โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งการไม่ใช้ความรุนแรงและการกระทำที่เปี่ยมความกรุณาในทางพุทธศาสนา

การฝึกสมาธิภาวนามิใช่เพื่อหลีกหนีจากสังคม แต่เพื่อกลับคืนสู่ตัวเราเองและเห็นอย่างชัดเจนต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เมื่อมีการเห็น ย่อมต้องมีการลงมือทำ ด้วยสติเราจึงจะรู้ว่าจะต้องทำหรือไม่ทำสิ่งใดในการช่วยเหลือ 

ช่วงทศวรรษ 1960 ในฐานะที่เป็นนักวิชาการ ครู และนักกิจกรรมที่แข็งขัน ติช นัท ฮันห์ได้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยสงฆ์ หว่านหั่ญ (Van Hanh Buddhist University) ในเมืองไซ่ง่อน พร้อมทั้งออกวารสารกิจกรรมเพื่อสันติภาพที่มีอิทธิพล  ในขณะนั้น  ปี 1966 ท่านได้ก่อตั้ง “คณะดั่งกันและกัน” (the Order of Interbeing) เป็นคณะผู้ปฏิญาณตนฝึกปฏิบัติโดยมีพื้นฐานอยู่บนศีลโพธิสัตว์ตามประเพณีพุทธศาสนา

 

วันที่ 1 เมษายน 1966 ณ วัดตื่อเฮี้ยว ท่านติช นัท ฮันห์ได้รับมอบตะเกียงธรรมจากพระมหาเถระเจินเถิด (Chan That) ผู้เป็นพระอาจารย์ของท่าน 

ลี้ภัยจากเวียดนาม       

ไม่กี่เดือนให้หลัง ท่านได้เดินทางสู่สหรัฐอเมริกาและยุโรปอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเรียกร้องสันติภาพและยุติสงครามในเวียดนาม  ในช่วงปี 1966 นี้เองที่ท่านได้พบกับดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ เป็นครั้งแรก ผู้ซึ่งต่อมาได้เสนอชื่อท่านเข้ารับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 1967 ด้วยภารกิจครั้งนี้เองทำให้ทั้งเวียดนามเหนือและใต้ปฏิเสธสิทธิที่ท่านจะได้กลับคืนสู่เวียดนาม และนับเป็นการเริ่มต้นของการลี้ภัยจากบ้านเกิดที่ยาวนานนับ 39 ปี

ติช นัท ฮันห์ ยังคงเดินทางกว้างไกลต่อไปเพื่อเผยแพร่สารแห่งสันติภาพและความรักฉันพี่น้อง ดำเนินการเพื่อให้ผู้นำชาติตะวันตกยุติสงครามเวียดนาม และนำคณะผู้แทนชาวพุทธเข้าสู่ปาฐกถาว่าด้วยสันติภาพในปารีส ปี 1969

037-31-May-1966-Chicago-Sheraton-Hotel-TNH-with-MLK-PHOTO-unknown.jpg
“ท่านเป็นผู้สื่อสารแห่งสันติภาพและการไม่ใช้ความรุนแรง”  มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ 
11-Thich-Nhat-Hanh-in-NYC-march-for-nuclear-disarmament-17-June-1982-PHOTO-unknown.jpg

ติช นัท ฮีนห์ ในการเดินขบวนเพื่อสันติภาพ ณ เมืองนิวยอร์ก, 17 มิถุนายน 1982.

ก่อตั้งหมู่บ้านพลัมในฝรั่งเศส

ท่านยังทำการสอน อบรม และเขียนหนังสือเกี่ยวกับศิลปะแห่งการเจริญสติ และ “การดำเนินชีวิตอย่างศานติ” ในทศวรรษ 1970 ท่านได้เป็นวิทยากรและนักวิจัยด้านพุทธศาสนาที่มหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ ปารีส  ในปี 1975 ท่านได้ก่อตั้งอาศรมมันเทศ ใกล้ปารีส ปี 1982 ได้ย้ายออกมาสู่พื้นที่ที่กว้างขวางกว่าทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นที่รู้จักกันต่อมาว่า หมู่บ้านพลัม” (Plum Village)

ภายใต้การชี้นำทางจิตวิญญาณโดยพระอาจารย์ติช นัท ฮันห์ หมู่บ้านพลัมได้เติบโตขึ้นจากฟาร์มในชนบท กลายมาเป็น สถานปฏิบัติธรรมทางพุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุดและมีกิจกรรมแข็งขันที่สุดในโลกตะวันตก โดยมีภิกษุภิกษุณีอยู่ประจำกว่า 200 รูป และผู้มาเยือนกว่า 10,000 คนในแต่ละปีจากทั่วโลก เพื่อเรียนรู้ “ศิลปะแห่งการใช้ชีวิตอย่างมีสติ”  

หมู่บ้านพลัมต้อนรับผู้คนจากทุกวัย ทุกเชื้อชาติ ทุกรากเหง้าความเชื่อ เข้ามาร่วมการภาวนาที่พวกเขาสามารถเรียนรู้ วิธีการปฏิบัติธรรม เช่น การเดินอย่างมีสติ การนั่งสมาธิ ภาวนากับการรับประทานอาหาร ผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์ ทำงานอย่างมีสติ รวมทั้งการหยุด การยิ้ม และการหายใจอย่างมีสติ เหล่านี้ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นการฝึกปฏิบัติ ทางพุทธศาสนาแต่โบราณ อันเป็นแก่นสารสำคัญที่พระอาจารย์ติช นัท ฮันห์ได้กลั่นกรองและพัฒนาเพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้อย่างง่ายดายและมีพลังในความท้าทายและความยากลำบากแห่งยุคสมัยของพวกเรา

ในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา ผู้คนกว่า 100,000 คนได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะฝึกฝนตามหลักจริยธรรมสากลโลกที่ได้รับการปรับปรุงในโลก ยุคใหม่ของพระอาจารย์ติช นัท ฮันห์ ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม “ข้อฝึกอบรมสติห้าประการ” (The Five Mindfulness Trainings) หรือ ศีลห้าฉบับปรับปรุง

14-Meditation-hall-in-Plum-Village-1990-PHOTO-©-Simon-Chaput-1024x679.jpg
หอสมาธิ ณ หมู่บ้านพลัมในปี 1990 หลวงปู่ สร้างหอสมาธิ จากโรงนาเก่า และเริ่มการฝึกสติให้แก่ผู้ฝึกปฏิบัติรุ่นแรก ๆ  ในประเทศตะวันตก © Simon Chaput.
081-TNH-teaching-children-in-Plum-Village-PHOTO-PV-CEB.jpg
ธรรมะบรรยายให้แก่เด็กๆ ณ หอสมาธิน้ำนิ่ง วัดบน หมู่บ้านพลัม ประทศฝรั่งเศส 
ชีวประวัติ

ไม่นานมานี้ พระอาจารย์ติช นัท ฮันห์ ได้ก่อตั้งเวคอัพ (Wake Up) ขบวนการของคนหนุ่มสาวหลายพันคนทั่วโลกที่ฝึกฝนในวิถีการปฏิบัติแห่งการดำเนินชีวิตอย่างมีสติเหล่านี้ และได้เปิดตัว โรงเรียนตื่นรู้ (Wake Up Schools)ระดับนานาชาติ  เป็นโครงการอบรมคุณครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อสอนการฝึกสติในโรงเรียนทั่วยุโรป อเมริกา และเอเชีย 

ติช นัท ฮันห์ เป็นศิลปินด้วยเช่นกัน โดยมีผลงานภาพลายพู่กันที่ได้รับความนิยมและเป็นเอกลักษณ์ โดยเป็นวลีสั้น ๆ และถ้อยคำที่สื่อถึงแก่นคำสอนแห่งการเจริญสติของท่าน โดยมีการจัดนิทรรศการแสดงภาพลายพู่กันเหล่านี้ที่ฮ่องกง ไต้หวัน ไทย แคนาดา เยอรมนี ฝรั่งเศส และนิวยอร์ก ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา

ในทศวรรษที่ผ่านมา ติช นัท ฮันห์ได้เปิดสถานปฏิบัติธรรมในแคลิฟอร์เนีย, นิวยอร์ก, เวียดนาม, ปารีส, ฮ่องกง, ประเทศไทย, มิสซิสซิปปี และออสเตรเลีย รวมทั้งสถาบันพุทธศาสนาประยุกต์  (Institute of Applied Buddhism) แห่งแรกในประเทศเยอรมนี 

สถานปฏิธรรมเจริญสติในวิถีแห่งหมู่บ้านพลัมได้จัดงานภาวนาเป็นการพิเศษสำหรับนักธุรกิจ คุณครูและบุคลากรทางการศึกษา ครอบครัว บุคลากรทางการแพทย์ นักจิตบำบัด นักการเมือง และวัยรุ่นคนหนุ่มสาว เช่นเดียวกับทหารผ่านศึก และชาวอิสราเอล และปาเลสไตน์  โดยเฉลี่ยแล้วมีผู้คนประมาณ 75,000 เข้าร่วมกิจกรรมที่นำโดยภิกษุและภิกษุณีของหมู่บ้านพลัมทั่วโลกในแต่ละปี 

ในช่วงปีที่ผ่านมา ติช นัท ฮันห์ได้นำกิจกรรมสำหรับสมาชิกของรัฐสภาสหรัฐอเมริกา และสมาชิกรัฐสภาในสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ อินเดีย และประเทศไทย ท่านได้กล่าวกับสภาศาสนาโลกในเมลเบิร์น และยูเนสโกในปารีส โดยเรียกร้องให้มีขั้นตอ เฉพาะสำหรับยุติวงจรแห่งความรุนแรง สงคราม และสภาวะโลกร้อน ในการเยือนสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2013 ท่านได้นำกิจกรรม การฝึกสติระดับสูงที่กูเกิล (Google) ธนาคารโลก (World Bank) และโรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ด (Harvard School of Medicine)

21-Thich-Nhat-Hanh-inviting-the-bell-PHOTO-PVCEB.jpg

หลวงปู่กำลังเชิญระฆัง  หมู่บ้านพลัม ปี 2009. © Plum Village Community of Engaged Buddhism (PVCEB).

11 พฤศจิกายน 2014 หนึ่งเดือนหลังจากวันคล้ายวันเกิดปีที่ 88 ของท่าน หลังจากช่วงเวลาหลายเดือนของสุขภาพที่ทรุดโทรมลง อย่างรวดเร็ว ติช นัท ฮันห์ได้ประสบภาวะเลือดออกในสมองอย่างรุนแรง แม้ว่าท่านจะไม่สามารถพูดได้ และเป็นอัมพาต เกือบทั้งหมดของร่างกายซีกขวา แต่ท่านก็ยังคงสอนธรรมและสร้างแรงบันดาลใจผ่านการดำรงอยู่อย่างสงบ แจ่มใส และเข้มแข็ง

ปัจจุบัน ติช นัท ฮันห์พำนักอยู่ ณ วัดตื่่อเฮี้ยว ประเทศเวียดนาม ที่ซึ่งท่านได้ออกบวชกับพระอาจารย์เมื่ออายุได้ 16 ปี และท่านได้แสดงเจตน์จำนงที่จะใช้วันเวลาที่เหลืออยู่ที่นี่ ท่านออกมาเยี่ยมเยือนหิ้งบูชาและอุโบสถวัดเป็นครั้งคราว พร้อมกับ นำสังฆะในการเดินอย่างมีสติรอบสระน้ำและสถูปของเหล่าพระบูรพาจารย์  หลวงปู่ได้กลับคืนสู่วัดตื่อเฮี้ยวกลายเป็นเสียงระฆังแห่งสติเตือนเรา ว่าการที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในสายธารแห่งจิตวิญญาณที่มีรากหยั่งลึกซึ้งนั้นประเสริฐเพียงไร แม้ว่าเราจะได้เข้าร่วมงานภาวนา หรือ เพียงแต่ได้อ่านหนังสือของหลวงปู่เพียงเล่มหนึ่ง หรือได้ชมธรรมบรรยายสักครั้งหนึ่ง และเกิดสัมผัสได้ในคำสอนของท่าน พวกเรา ทั้งหมดต่างเชื่อมโยงกับกระแสธารแห่งปัญญาญาณและกรุณาแห่งเหล่าบรรพบุรุษทางจิตวิญญาณสายนี้ด้วยกันทั้งสิ้น

24-Thich-Nhat-Hanh-at-Từ-Hiếu-Temple-in-Hue-2005-Vietnam-PHOTO-©-Paul-Davis-1024x820.jpg

ณ วัด ตื่อ ฮิ้ว ประเทศเวียดนาม ปี  2005 ในปี 2005 หลวงปู่ได้เดินทางกลับประเทศเวียดนามหลังจากถูกเนรเทศ  39  ปี ในรูปภาพคือ ซุ้มประตูหน้าวัดต้นกำเนิด ที่หลวงปู่ต้องจากไปตั้งแต่ พฤษภาคม 1966.
© Paul Davis / Touching Peace Photography.

หลวงปู่ ติช นัท ฮันห์ ละสังขารอย่างสงบในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 22 มกราคม 2022  ณ  กระท่อมรับฟังอย่างลึกซึ้ง  วัดตื่อเฮี้ยว เมืองเว้  ท่ามกลางเหล่าศิษยานุศิษย์อันเป็นที่รัก  ผู้ฝึกปฏิบัติในชุมชนหมู่บ้านพลัมจากทั่วโลกเดินทางมายังวัดตื่อเฮี้ยว และรับชมผ่านออนไลน์ จำนวนหลายแสนคนต่างร่วมกันปฏิบัติในงานภาวนา สักการะสรีรสังขารผ่านดวงใจ เป็นเวลา 1 สัปดาห์  ร่วมกันสร้างพลังอันยิ่งใหญ่แห่งความเมตตากรุณา ความศานติ  และความรักฉันท์พี่น้อง

 

พิธีสลายสรีรสังขารหลวงปู่ติช นัท ฮันห์จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 29 มกราคม  ที่เมืองเว้  อัฐิของท่านได้ถูกเชิญไปสู่ศูนย์ปฏิบัติธรรมทั้งหลายของท่านในยุโรป  สหรัฐอเมริกา  และเอเชีย 

 

มรดกอันทรงคุณค่าที่หลวงปู่มอบไว้ให้กับเรา คือพระพุทธศานาแบบประยุกต์ ยังคงดำเนินต่อไปโดยชุมชนนักบวชมากกว่า 700 รูป  ใน 11 ศูนย์ปฏิบัติธรรม ตลอดจนธรรมาจารย์ฆราวาสหลายร้อยรูป สมาชิกหลายพันคนในครธดั่งกันและกัน และผู้ฝึกปฏิบัติหลายแสนคนทั่วโลก  ผ่านการสอนแบบออนไลน์  งานภาวนาต่างๆ ทั้ง ในศูนย์ปฏิบัติธรรมและสถานที่อื่นๆ และกิจกรรมที่มีส่วนร่วมกับสังคม ชุมชนหมู่บ้านพลัมนานาชาติแห่งพระพุทธศาสนาแบบประยุกต์นี้ยังคงสืบสานคุณูปการอันยิ่งใหญ่ของท่านต่อไป

Word from https://plumvillage.org

พิธีอัญเชิญอัฐิธาตุหลวงปู่ติช นัท ฮันห์ 12 กุมภาพันธ์ 2565

คำนิยม

คำนิยม

ติช นัท ฮันห์ เป็นมนุษย์ทีศักดิ์สิทธิ์ ด้วยความถ่อมตนและการอุทิศตน

ท่านเป็นนักวิชาการที่มีความสามารถทางสติปัญญาอย่างไพศาล

                                       มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ Martin Luther King, Jr.

ท่านได้แสดงให้เราเห็นความสัมพันธ์ระหว่างสันติภายในของปัจเจกบุคคลและสันติภาพโลก

ท่านได้แสดงให้เราเห็นประโยชน์ของสติและสมาธิ

เพื่อแปรเปลี่ยนและเยียวยาสภาพทางจิตที่ยากลำบาก 

                                        ทาไล ลามะ Holiness the Dalai Lama

ติช นัท ฮันห์ ได้กล่าวด้วยสุรเสียงแห่งพระพุทธเจ้า

ติช นัท ฮันห์ เป็นเสียงที่สำคัญที่สุดเสียงหนึ่งในยุคสมัยของพวกเรา

และเราจำเป็นต้องรับฟังเสียงของท่านในตอนนี้มากกว่ายุคสมัยใดทั้งสิ้น

                                        โชเกียว รินโปเช Sogyal Rinpoche

 

ติช นัท ฮันห์ คือกวีอย่างแท้จริง

                                        โรเบิร์ต โลเวล  Robert Lowell, US Poet Laureate; Winner, Pulitzer Prize for Poetry

ติช นัท ฮันห์ เป็นพี่น้องของข้าพเจ้า

มากกว่าคนที่มีชาติพันธุ์หรือสัญชาติร่วมกับข้าพเจ้าเสียอีก

เพราะท่านและข้าพเจ้าได้เห็นสิ่งต่างๆ ในแบบเดียวกัน

                                       โทมัส  เมอร์ตัน Thomas Merton

 

ท่านเป็นจุดบรรจบระหว่างก้อนเมฆ หอยทาก

และเครื่องยนต์หนัก ท่านเป็นการปรากฏที่แท้แห่งวิถีจิตวิญญาณ

                                       ริชาร์ด เบเกอร์ โรชิ American Buddhist Richard Baker-Roshi

 

ท่านเห็นว่าสตินั้นไปพ้นจากศาสนา

ในขณะเดียวกันก็มีความเคารพอย่างยิ่งต่อศาสนาอื่นๆ

ท่านต้องการทำพุทธศาสนาให้ใหม่สด

และท่านได้แนะนำสิ่งที่เรียกว่า พุทธศาสนาที่เข้าถึงสังคม

เพื่อลดบรรเทาความทุกข์ของมนุษย์ ท่านมีความตื่นรู้และตระหนักรู้อย่างกระจ่างใส

                                        ซิสเตอร์ สเตนิลัส เคนเนดี้  Sister Stanislaus Kennedy,
                                        founder of the Sanctuary and Focus Ireland

 

ความสามารถทางวิชาการของท่านมีพื้นฐานหนักแน่นโดยปราศจากความคลุมเครือใดๆ

ท่านสามารถทำให้คำสอนที่ยากจะเข้าใจให้เราสามารถเข้าถึงได้

และยังทำให้มีชีวิตชีวา อย่างที่คุณสามารถเห็นได้ว่าจะใช้มันได้อย่างไร

                                       อลัน เซนากี  Alan Senauke, former executive director of the Buddhist Peace Fellowship

 

ท่านเป็นผู้สืบทอดประทีปธรรมสู่ตะวันตกอย่างพิเศษสุดท่านหนึ่ง

ติช นัท ฮันห์ มีความสามารถที่จะอธิบายคำสอนแห่งการอิงอาศัยกันเกิดขึ้น
และความว่างอย่างลึกซึ้งที่สุดเท่าที่ฉันได้เคยฟัง พร้อมด้วยความสามารถในการโน้มน้าวใจแห่งกวี
ท่านได้ถือชิ้นกระดาษและสอนเราว่า ฝน เมฆ ต้นไม้ และคนตัดไม้ที่ตัดต้นไม้นั้นลง ทั้งหมดอยู่ในกระดาษ

                                       แจค  คอนฟิว Jack Kornfield

 

พระอาจารย์เซนที่มีผู้เข้ารับฟังมากมายจนเต็มหอประชุม

คำสอนทางพุทธศาสนาสำหรับโลกตะวันตกร่วมสมัยของท่าน

ได้บรรจุเนื้อหาว่าด้วยสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มแข็ง

ซึ่งทำให้ท่านกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างโดดเด่นในขยวนการสีเขียว 

                                        ลอนดอน อินดีเพนเดน London Independent 2010

 

ติช นัท ฮันห์เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณที่เป็นที่เคารพรักที่สุดคนหนึ่งในยุคสมัยของพวกเรา

ท่านเป็นที่รักของผู้คนในหลากหลายความเชื่อ รวมทั้งผู้ไร้ศาสนา

                                        คริสตา ทิปเพต Krista Tippett, on Speaking of Faith, America's Public Radio

bottom of page