The Miracle of Now ปาฎิหาริย์แห่งปัจจุบันขณะThe content is a part of Dharmar Take by Thay on 18 October 2010. There will be only available in Thai language.การดำรงอยู่อย่างเป็นสุขในปัจจุบันขณะตอนที่ฉันบวชเป็นสามเณร พระอาจารย์มอบหนังสือบทกวีแห่งสติ ให้ฉันท่องจำและฝึกปฏิบัติ บทแรกคือ "ตื่นนอนยามเช้า""ตื่นนอนเช้านี้ ฉันยิ้ม ฉันรู้ดีว่ายังคงมี 24 ชั่วโมงแห่งวันใหม่ ตั้งปณิธานใช้ชีวิตอย่างเต็มเปี่ยมในทุกขณะ และมองทุกสรรพชีวิตด้วยสายตาแห่งความรัก"เมื่อเราท่องบทกวีแห่งสตินี้พร้อมตามลมหายใจ เราจะกลับมามีชีวิตมีชีวา เราจะตระหนักรู้ได้ทันทีว่า เรามีชีวิตที่เป็นดั่งของขวัญอีก 24 ชั่วโมง เมื่อเราปฏิบัติเช่นนี้ เราเป็นสุขได้ในทันที สำหรับฉัน การมีชีวิตคือความมหัศจรรย์ในเวียดนาม ตอนที่ฉันยังเป็นสามเณรอยู่ ภิกษุไม่ขับรถและไม่ขี่จักรยาน ฉันจึงเป็นสามเณรคนแรกในเวียดนามที่ใช้จักรยานในการเดินทาง ฉะนั้นฉันจึงแต่งบทกวีเพื่อฝึกปฏิบัติการขี่จักรยาน หลังจากนั้นฉันยังเขียนกวีแห่งสติในการรับโทรศัพท์ และในการเดินลงจากเครื่องบิน เพื่อเตือนให้รู้ว่าเรากำลังทำอะไรในขณะนี้การดำรงอยู่อย่างเป็นสุขในขณะปัจจุบันคือคำสอนที่สำคัญมากในพุทธศาสนา เราไม่จำเป็นต้องวิ่งไปในอนาคตเพื่อแสวงหาความสุข เพียงแต่นำกายและใจมาดำรงด้วยกันอย่างตั้งมั่น เธอจะสามารถสัมผัสกับความสุขที่มีมากเพียงพออยู่แล้ว นิพพาน ดินแดนสุขาวดี หรือความสุขดำรงอยู่ตรงนี้ในขณะปัจจุบัน หากเธอเดินในวิถีแห่งสติได้ เธอจะสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ได้ พวกเราหลายคนติดยึดกับความเศร้าโศกในอดีต ความลังเลสงสัยในอนาคต และความทุกข์ในปัจจุบัน เมื่อเรารู้วิธีการฝึกปฏิบัติ เราจะปล่อยวางความทุกข์ต่างๆได้ การเดินในวิถีแห่งสติเป็นการฝึกปฏิบัติที่ประเสริฐมาก ทุกย่างก้าวนำเรากลับสู่ปัจจุบันขณะ ช่วยให้เราเป็นอิสระจากอดีตและอนาคต เพียงแค่ฝึกประสานลมหายใจแห่งสติกับทุกย่างก้าวเท่านั้นอยู่ตรงนั้นเพื่อเธอที่รักเมื่อเธอรักใครคนหนึ่ง สิ่งที่เธอจะมอบให้กับเขาได้คือการอยู่ตรงนั้นอย่างเต็มเปี่ยม เธอจะทำอย่างนั้นได้เมื่อเธอฝึกเจริญสติ เธอมองไปยังดวงตาของคนที่เธอรักและกล่าวว่า "ที่รัก ฉันอยู่ตรงนี้เพื่อเธอ"คุณพ่อของเด็กชายคนหนึ่งเป็นคนที่มีฐานะดี แต่ไม่มีความสุข เพราะทำงานยุ่งอยู่เสมอ เขาถามลูกชายว่า "พรุ่งนี้เป็นวันเกิดลูก ลูกอยากได้อะไร" สิ่งที่ลูกชายขอจากคุณพ่อ คือ การอยู่ด้วยกัน หากคุณพ่อท่านนั้นฝึกเจริญสติ เขาจะสามารถมองไปยังดวงตาของลูกชายและพูดว่า "ลูกรัก พ่ออยู่ที่นี่เพื่อลูก" ของขวัญชิ้นนี้เป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับคนที่เธอรัก นี่คือ คาถาแห่งรักข้อแรก ที่เธอฝึกได้ทุกวันคาถาแห่งรักข้อที่สอง คือ เธอตระหนักรู้ถึงการดำรงอยู่ของคนที่เธอรัก "ที่รัก ฉันรู้ว่าเธออยู่ตรงนั้น ยังมีชีวิตอยู่ และฉันมีความสุขมาก" เธอจะเอ่ยคาถานี้ได้ ก็ต่อเมื่อเธอดำรงอยู่กับตนเองอย่างเต็มเปี่ยมได้ ซึ่งทำให้เธอตระหนักรู้ถึงความรักของเธอที่มีต่ออีกฝ่าย และตระหนักรู้ว่าอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่ตรงหน้าเธอเมื่อเธอสังเกตเห็นว่าคนที่เธอรักเป็นทุกข์ เธอสามารถใช้ คาถาแห่งรักข้อที่สาม "ที่รัก ฉันรู้ว่าเธอเป็นทุกข์ ฉันอยู่ตรงนี้เพื่อเธอ" หากเธอเป็นทุกข์ แต่คนที่เธอรักไม่รู้และไม่เข้าใจเธอ เธอย่อมเป็นทุกข์ แต่หากเธอเป็นทุกข์ และอีกฝ่ายรับรู้ เธอจะรู้สึกเบาขึ้นในทันที เธอนำคำสอนเหล่านี้ของพระพุทธองค์ มาใช้ในชีวิตประจำวันได้การเจรจาแห่งสันติเรานำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาสร้างสันติสุขให้กับสังคม ประเทศชาติ และโลกได้ ที่หมู่บ้านพลัม เราเชิญชาวอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์มาร่วมงานภาวนา ตอนแรกทุกคนต่างไม่ไว้ใจกัน ดังนั้นในช่วงแรกของงานภาวนา เราจึงย้ำให้พวกเขาฝึกปฏิบัติกลับมาดำรงอยู่กับลมหายใจ โอบอุ้มความรู้สึกของตนเอง ซึ่งเป็นการฝึกอานาปานสติ เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดในร่างกายและจิตใจของพวกเขาอาทิตย์ต่อมา เราเชิญให้พวกเขาแบ่งปันความทุกข์ในใจของเขา และแนะให้ไม่กล่าวตำหนิอีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อให้อีกฝ่ายมีโอกาสรับฟังด้วยความเข้าใจ ขอเพียงเล่าถึงความทุกข์ที่เราประสบเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจ ฝ่ายที่รับฟังก็จะนั่งนิ่งๆ โดยไม่ขัดจังหวะการพูดของอีกฝ่าย เพราะพวกเขารู้ว่า พวกเขาจะมีโอกาสปรับความเข้าใจกันอีกในอนาคต เขาไม่จำเป็นต้องขัดจังหวะการแบ่งปันของอีกฝ่าย การฟังด้วยวิถีเช่นนี้ทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้ว่า ความทุกข์ของอีกฝ่ายไม่แตกต่างจากความทุกข์ของตนเลย เมื่อเราเข้าใจความทุกข์ของอีกฝ่าย ความกรุณาจะเกิดขึ้นในจิตใจทันทีอาทิตย์ที่สามของงานภาวนา ทั้งสองฝ่ายทานอาหารด้วยกันและเดินจูงมือกันได้ ในวันสุดท้ายพวกเขาขึ้นมารายงานผลกับสังฆะ ที่หมู่บ้านพลัม เราจัดงานภาวนาเช่นนี้เป็นประจำสังคมของเราเต็มไปด้วยความรุนแรง ความแบ่งแยก และความโกรธเกลียด สิ่งเหล่านี้จะแปรเปลี่ยนได้ด้วยการฝึกฟังอย่างลึกซึ้งและการเอ่ยวาจาแห่ง รัก ฉันเชื่อว่าเหตุที่การเจรจาสันติภาพไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะเราไม่ได้นำวิถึแห่งสติมาใช้ในการเจรจา เรามักกระตือรือร้นที่จะถกกันเรื่องสันติภาพ แต่ทั้งสองฝ่ายกลับมีแต่ความลังเลสงสัย ความโกรธ และความกลัว พวกเขาไว้ใจกันและกันไม่ได้ การเจรจาจึงไม่ประสบผล ในวิถีพุทธ เราจะแนะนำให้เขาใช้เวลา 1-2 อาทิตย์ฝึกเจริญสติเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดในกายและใจ พวกเราซึ่งอยู่ในชุมชนแห่งการฝึกปฏิบัติจะช่วยหยิบยื่นพลังแห่งความสงบสุข ให้พวกเขา และเมื่อทั้งสองฝ่ายสงบกายสงบใจได้แล้ว เราจึงจัดให้รับฟังกันด้วยความกรุณา เมื่อทั้งสองฝ่ายมีความกรุณาในใจ การเจรจาเพื่อสันติภาพจึงเกิดขึ้นได้ เนื้อหาบางส่วนจากปาฐกถาธรรม "ปาฎิหาริย์แห่งปัจจุบันขณะ" โดยพระอาจารย์ติช นัท ฮันห์ วันที่ 18 ตุลาคม 2553 ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมฟังธรรมกว่า 2,500 คน
The content is a part of Dharmar Take by Thay on 18 October 2010. There will be only available in Thai language.การดำรงอยู่อย่างเป็นสุขในปัจจุบันขณะตอนที่ฉันบวชเป็นสามเณร พระอาจารย์มอบหนังสือบทกวีแห่งสติ ให้ฉันท่องจำและฝึกปฏิบัติ บทแรกคือ "ตื่นนอนยามเช้า""ตื่นนอนเช้านี้ ฉันยิ้ม ฉันรู้ดีว่ายังคงมี 24 ชั่วโมงแห่งวันใหม่ ตั้งปณิธานใช้ชีวิตอย่างเต็มเปี่ยมในทุกขณะ และมองทุกสรรพชีวิตด้วยสายตาแห่งความรัก"เมื่อเราท่องบทกวีแห่งสตินี้พร้อมตามลมหายใจ เราจะกลับมามีชีวิตมีชีวา เราจะตระหนักรู้ได้ทันทีว่า เรามีชีวิตที่เป็นดั่งของขวัญอีก 24 ชั่วโมง เมื่อเราปฏิบัติเช่นนี้ เราเป็นสุขได้ในทันที สำหรับฉัน การมีชีวิตคือความมหัศจรรย์ในเวียดนาม ตอนที่ฉันยังเป็นสามเณรอยู่ ภิกษุไม่ขับรถและไม่ขี่จักรยาน ฉันจึงเป็นสามเณรคนแรกในเวียดนามที่ใช้จักรยานในการเดินทาง ฉะนั้นฉันจึงแต่งบทกวีเพื่อฝึกปฏิบัติการขี่จักรยาน หลังจากนั้นฉันยังเขียนกวีแห่งสติในการรับโทรศัพท์ และในการเดินลงจากเครื่องบิน เพื่อเตือนให้รู้ว่าเรากำลังทำอะไรในขณะนี้การดำรงอยู่อย่างเป็นสุขในขณะปัจจุบันคือคำสอนที่สำคัญมากในพุทธศาสนา เราไม่จำเป็นต้องวิ่งไปในอนาคตเพื่อแสวงหาความสุข เพียงแต่นำกายและใจมาดำรงด้วยกันอย่างตั้งมั่น เธอจะสามารถสัมผัสกับความสุขที่มีมากเพียงพออยู่แล้ว นิพพาน ดินแดนสุขาวดี หรือความสุขดำรงอยู่ตรงนี้ในขณะปัจจุบัน หากเธอเดินในวิถีแห่งสติได้ เธอจะสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ได้ พวกเราหลายคนติดยึดกับความเศร้าโศกในอดีต ความลังเลสงสัยในอนาคต และความทุกข์ในปัจจุบัน เมื่อเรารู้วิธีการฝึกปฏิบัติ เราจะปล่อยวางความทุกข์ต่างๆได้ การเดินในวิถีแห่งสติเป็นการฝึกปฏิบัติที่ประเสริฐมาก ทุกย่างก้าวนำเรากลับสู่ปัจจุบันขณะ ช่วยให้เราเป็นอิสระจากอดีตและอนาคต เพียงแค่ฝึกประสานลมหายใจแห่งสติกับทุกย่างก้าวเท่านั้นอยู่ตรงนั้นเพื่อเธอที่รักเมื่อเธอรักใครคนหนึ่ง สิ่งที่เธอจะมอบให้กับเขาได้คือการอยู่ตรงนั้นอย่างเต็มเปี่ยม เธอจะทำอย่างนั้นได้เมื่อเธอฝึกเจริญสติ เธอมองไปยังดวงตาของคนที่เธอรักและกล่าวว่า "ที่รัก ฉันอยู่ตรงนี้เพื่อเธอ"คุณพ่อของเด็กชายคนหนึ่งเป็นคนที่มีฐานะดี แต่ไม่มีความสุข เพราะทำงานยุ่งอยู่เสมอ เขาถามลูกชายว่า "พรุ่งนี้เป็นวันเกิดลูก ลูกอยากได้อะไร" สิ่งที่ลูกชายขอจากคุณพ่อ คือ การอยู่ด้วยกัน หากคุณพ่อท่านนั้นฝึกเจริญสติ เขาจะสามารถมองไปยังดวงตาของลูกชายและพูดว่า "ลูกรัก พ่ออยู่ที่นี่เพื่อลูก" ของขวัญชิ้นนี้เป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับคนที่เธอรัก นี่คือ คาถาแห่งรักข้อแรก ที่เธอฝึกได้ทุกวันคาถาแห่งรักข้อที่สอง คือ เธอตระหนักรู้ถึงการดำรงอยู่ของคนที่เธอรัก "ที่รัก ฉันรู้ว่าเธออยู่ตรงนั้น ยังมีชีวิตอยู่ และฉันมีความสุขมาก" เธอจะเอ่ยคาถานี้ได้ ก็ต่อเมื่อเธอดำรงอยู่กับตนเองอย่างเต็มเปี่ยมได้ ซึ่งทำให้เธอตระหนักรู้ถึงความรักของเธอที่มีต่ออีกฝ่าย และตระหนักรู้ว่าอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่ตรงหน้าเธอเมื่อเธอสังเกตเห็นว่าคนที่เธอรักเป็นทุกข์ เธอสามารถใช้ คาถาแห่งรักข้อที่สาม "ที่รัก ฉันรู้ว่าเธอเป็นทุกข์ ฉันอยู่ตรงนี้เพื่อเธอ" หากเธอเป็นทุกข์ แต่คนที่เธอรักไม่รู้และไม่เข้าใจเธอ เธอย่อมเป็นทุกข์ แต่หากเธอเป็นทุกข์ และอีกฝ่ายรับรู้ เธอจะรู้สึกเบาขึ้นในทันที เธอนำคำสอนเหล่านี้ของพระพุทธองค์ มาใช้ในชีวิตประจำวันได้การเจรจาแห่งสันติเรานำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาสร้างสันติสุขให้กับสังคม ประเทศชาติ และโลกได้ ที่หมู่บ้านพลัม เราเชิญชาวอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์มาร่วมงานภาวนา ตอนแรกทุกคนต่างไม่ไว้ใจกัน ดังนั้นในช่วงแรกของงานภาวนา เราจึงย้ำให้พวกเขาฝึกปฏิบัติกลับมาดำรงอยู่กับลมหายใจ โอบอุ้มความรู้สึกของตนเอง ซึ่งเป็นการฝึกอานาปานสติ เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดในร่างกายและจิตใจของพวกเขาอาทิตย์ต่อมา เราเชิญให้พวกเขาแบ่งปันความทุกข์ในใจของเขา และแนะให้ไม่กล่าวตำหนิอีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อให้อีกฝ่ายมีโอกาสรับฟังด้วยความเข้าใจ ขอเพียงเล่าถึงความทุกข์ที่เราประสบเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจ ฝ่ายที่รับฟังก็จะนั่งนิ่งๆ โดยไม่ขัดจังหวะการพูดของอีกฝ่าย เพราะพวกเขารู้ว่า พวกเขาจะมีโอกาสปรับความเข้าใจกันอีกในอนาคต เขาไม่จำเป็นต้องขัดจังหวะการแบ่งปันของอีกฝ่าย การฟังด้วยวิถีเช่นนี้ทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้ว่า ความทุกข์ของอีกฝ่ายไม่แตกต่างจากความทุกข์ของตนเลย เมื่อเราเข้าใจความทุกข์ของอีกฝ่าย ความกรุณาจะเกิดขึ้นในจิตใจทันทีอาทิตย์ที่สามของงานภาวนา ทั้งสองฝ่ายทานอาหารด้วยกันและเดินจูงมือกันได้ ในวันสุดท้ายพวกเขาขึ้นมารายงานผลกับสังฆะ ที่หมู่บ้านพลัม เราจัดงานภาวนาเช่นนี้เป็นประจำสังคมของเราเต็มไปด้วยความรุนแรง ความแบ่งแยก และความโกรธเกลียด สิ่งเหล่านี้จะแปรเปลี่ยนได้ด้วยการฝึกฟังอย่างลึกซึ้งและการเอ่ยวาจาแห่ง รัก ฉันเชื่อว่าเหตุที่การเจรจาสันติภาพไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะเราไม่ได้นำวิถึแห่งสติมาใช้ในการเจรจา เรามักกระตือรือร้นที่จะถกกันเรื่องสันติภาพ แต่ทั้งสองฝ่ายกลับมีแต่ความลังเลสงสัย ความโกรธ และความกลัว พวกเขาไว้ใจกันและกันไม่ได้ การเจรจาจึงไม่ประสบผล ในวิถีพุทธ เราจะแนะนำให้เขาใช้เวลา 1-2 อาทิตย์ฝึกเจริญสติเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดในกายและใจ พวกเราซึ่งอยู่ในชุมชนแห่งการฝึกปฏิบัติจะช่วยหยิบยื่นพลังแห่งความสงบสุข ให้พวกเขา และเมื่อทั้งสองฝ่ายสงบกายสงบใจได้แล้ว เราจึงจัดให้รับฟังกันด้วยความกรุณา เมื่อทั้งสองฝ่ายมีความกรุณาในใจ การเจรจาเพื่อสันติภาพจึงเกิดขึ้นได้ เนื้อหาบางส่วนจากปาฐกถาธรรม "ปาฎิหาริย์แห่งปัจจุบันขณะ" โดยพระอาจารย์ติช นัท ฮันห์ วันที่ 18 ตุลาคม 2553 ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมฟังธรรมกว่า 2,500 คน