กิจกรรม พระทอล์ก
ในวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม 2567 จัดโดย หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ BIA
ณ หอประชุมมหิศร SCB Park
ภิกษุณีนิรามิสา | ๒๖ พรรษา
หมู่บ้านพลัม
ผู้หญิงบวชพระ: พาใจกลับบ้าน เยียวยาความสัมพันธ์
.
“ในชีวิตเคยถามว่า เกิดมาแล้วจะทำอะไร.. ตอนอายุ 16 ก็พยายามคิดว่าจะทำอะไรหนอ คิดจนหัวจะแตก เสร็จแล้วก็ตอบว่า... ทำอะไรก็ได้นะที่ได้ช่วยคน ทำให้ได้เริ่มที่จะเข้ามาสนใจชีวิตทางจิตวิญญาณ ได้พบท่านพุทธทาสเมื่อตอนอยู่ มศ.3 กลับจากสวนโมกข์รู้เลยว่าถ้าชีวิตเราไม่มีพื้นฐานทางจิตวิญญาณ เราคงอยู่ไม่รอด
.
“เสียงระฆังแห่งสติทำให้รู้สึกว่าได้กลับมาสู่บ้านที่แท้จริง... จริงๆ แล้วเมื่อตอนอายุ 16 ยังไม่ได้เรียนฟังเสียงระฆัง ยังไม่ได้เรียนการตามลมหายใจอย่างมีสติหรืออานาปานสติ แต่รู้ว่าในช่วงที่มีเสียงเรียกร้องขึ้นมาในจิตในใจว่า.. ทำอะไรก็ได้ที่ได้ช่วยคน.. ในภาวะนั้นจริงๆ แล้วก็เป็นภาวะแห่งสติ เป็นภาวะที่ได้กลับมาอยู่กับตัวเอง กลับมาฟังเสียงของตัวเอง.. เป็นภาวะที่ได้อยู่กับปัจจุบัน... เมื่อมีโอกาสได้พบหลวงปู่ติช นัท ฮันห์ ครั้งแรก ตอนนั้นท่านนำภาวนาอยู่ที่ประเทศเยอรมัน ท่านก็สอนให้เราเดินสมาธิ แล้วให้คาถาหรือคำกลอนซึ่งบรรดาคณะสงฆ์หมู่บ้านพลัมก็จะบอกว่าเป็นเพลงชาติของหมู่บ้านพลัม คือเพลงกลับบ้าน (I have arrived)
.
“พอสามารถที่จะกลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะได้อย่างเต็มที่แล้วก็สัมผัสความเป็นจริงสูงสุด และช่วยให้เราคลายปมหลายๆ อย่าง รู้สึกว่าเป็นการแปรเปลี่ยนที่รากฐาน ที่ห้วงลึกของจิตวิญญาณ สามารถนำความสุขมาให้อย่างแท้จริง จนมีวันหนึ่งก็มีความรู้สึกว่า เราอยากตื่นนอนแบบนี้ อยากมีวิถีชีวิตแบบนี้ คือ ตื่นมาแล้วได้ท่องบทกลอน ได้ท่องคาถา ตามลมหายใจ มีพลังของชีวิต ฝึกที่จะแปรเปลี่ยนตัวเอง แล้วก็ที่จะช่วยเหลือคนอื่น ถึงแม้วิชาชีพที่ได้ทำก็เป็นวิชาชีพที่ช่วยเหลือคนอื่นอยู่แล้ว แต่เราค้นพบว่าในบ้านในเรือนใจ ในห้วงลึกของจิตวิญญาณของเรา เขาก็มีอะไรให้ดูแลมากมาย ถ้าเราไม่สามารถที่จะดูแลตรงนี้ได้ก่อน สิ่งที่เราอยากจะออกไปช่วยคนอื่นก็คงไม่ใช่ความช่วยเหลือที่แท้จริง ถ้าเราไม่ฝึกปฏิบัติ เราก็คงถูกตรึงไปกับชื่อเสียง ตำแหน่งต่างๆ หรือความร่ำรวยต่างๆ เมื่อเราฝึกที่กลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะ ก็รู้สึกและสัมผัสได้กับความสุขที่แท้จริง ที่เป็นความสุขสงบ
.
“เมื่อได้ตัดสินใจเช่นนั้นก็ออกบวช แต่คุณพ่อก็ไม่เห็นด้วยนะคะ เพราะเป็นคนจีน เขาก็จะคิดว่าลูกไปบวช ไปอยู่วัด คือเรียนไม่ได้แล้ว เสียหน้าเสียตา หรือไม่ก็เป็นลูกกำพร้า อกหัก หรือตกงาน.. เวลาฝึกเราจึงเริ่มต้นจากสัมผัสคุณพ่อภายในตัวเอง เพราะด้วยคำสอนที่เห็นว่าเรากับคุณพ่อไม่ได้แยกออกจากกัน ก็จะฝึกสัมผัสว่าคุณพ่อยังอยู่ในตัวเรา เดินสมาธิ เพื่อที่จะรำลึกถึงท่าน แล้วก็พาท่านเดินด้วย เวลากราบและสัมผัสพื้นดินก็รำลึกถึงท่าน เราก็เห็นได้ว่าท่านมีความทุกข์มากมายตั้งแต่สมัยที่ท่านยังเล็กแล้วต้องถูกส่งไปอยู่เมืองจีน ไปเป็นทหาร ไม่ได้เรียนอย่างที่คุณพ่อคุณแม่อยากให้เรียน ซึ่งก็เป็นความทุกข์เป็นบาดแผลที่ยิ่งใหญ่ของท่าน วิธีที่ท่านเลี้ยงลูกจึงมีการบังคับ ดุ ด่า ว่า เราก็จะรู้สึกว่าเราไม่ได้รับความเข้าใจ แต่พอเรามองอย่างนี้เรารู้สึกเรายอมรับท่านได้อย่างที่ท่านเป็น
.
“หลวงปู่ติช นัท ฮันห์ ท่านบอกว่าวิถีชีวิตของนักบวช คือ การบวชมาแล้วต้องรับผิดชอบพ่อแม่ เราจะคิดว่าสละเรือน แต่จริงๆ แล้วเราต้องกลับไปแปรเปลี่ยนภายในของคุณพ่อคุณแม่ เมื่อเราสามารถที่จะแปรเปลี่ยนภายในได้ เราก็สามารถที่จะรับฟังท่านได้ เข้าใจท่านได้... นี่คือสิ่งที่ทำให้เห็นว่า ชีวิตนักบวชนั่นคือชีวิตที่ทุ่มเทให้การรู้แจ้งภายในตนเอง รู้แจ้งในคนที่เรารัก ครอบครัว แล้วเราก็จะสามารถที่จะช่วยผู้คนรอบข้างได้อย่างแท้จริง ขอบคุณมากค่ะ”
สามารถอ่านการแบ่งปันของนักบวชทุกรูปบนเวที ‘พระทอล์ก’ ได้ที่เพจต้นฉบับ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ BIA
Comments