top of page

ครูและศิษย์เราร่วมปีนเนินเขาแห่งศตวรรษ


กราบนมัสการคณะพระเถรานุเถระ พระคุณเจ้าภิกษุภิกษุณี

ธรรมสวัสดีเพื่อนที่รักทั่วโลก


พวกเราเชื่อว่า แต่ละคนบนโลกนี้ล้วนมีประสบการณ์ต่อเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตที่แตกต่างกันไป และเนื่องในการละสังขารของหลวงปู่ ผู้คนทั่วโลกต่างก็มีวิธีรับต่อความรู้สึกที่แตกต่างกันไป  



สำหรับพวกเรา หลวงปู่คือครูผู้เป็นที่รัก ที่เคารพ และเป็นที่ให้เราได้กลับไปเข้าพึ่งเสมอ เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดท่านในหลายปี พวกเรารู้สึกว่าตัวเองช่างเล็กจ้อย เป็นเหมือนดั่งเด็กน้อย หรือสามเณรน้อยที่ยังอ่อนต่อโลก ยังเขลาทึ่ม และเต็มไปด้วยข้อบกพร่องในการดำเนินชีวิต ตลอดช่วงเวลา 60 ปีที่ได้เผยแผ่ธรรมแด่ผู้คน แต่ละครั้งที่เกิดเหตุร้ายแรงสำคัญครั้งใด หลวงปู่มักจะเขียนบทกลอนหรือจดหมายให้กับเหล่าศิษย์เสมอ เพื่อปลอบโยนหรือเพื่อฝากฝังและให้กำลังใจ ในชั่วขณะอันศักดิ์สิทธิ์เนื่องในพิธีการบำเพ็ญกุศลสักการะสรีรสังขารในวันนี้ พวกเราปรารถนาเงียบๆ ในใจว่าจะได้รับจดหมายที่หลวงปู่จะเขียนให้เหล่าศิษย์เหมือนในอดีตที่ท่านมักจะทำเป็นประจำ

 

ในระหว่างช่วงเวลาที่เตรียมการสำหรับการเปลี่ยนผ่านของเหลวงปู่ พวกเราได้อ่านจดหมายของหลวงปู่ที่เคยเขียนให้เหล่าศิษย์ในอดีต หลวงปู่ได้ส่งมอบความรักแผ่ปกป้องพวกเราเหล่าลูกหลาน เหล่าศิษย์ที่ยังอ่อนเยาว์ของท่านด้วยหัวใจทั้งหมด ตลอดชีวิตของหลวงปู่ได้ทุ่มเทสืบทอดสายน้ำแห่งธรรมของพระพุทธเจ้าและเหล่าพระบูรพาจารย์ให้แก่มนุษยชาติและอนุชนรุ่นหลังอย่างพวกเราโดยไม่หยุดยั้ง พระธรรมอันล้ำค่าที่ท่านได้ถ่ายทอดสูงส่งดังขุนเขาแห่งรัตนะอันล้ำค่า ลึกซึ้งและประเสริฐดังผืนมหาสมุทรกว้างใหญ่

 

เนื่องในพิธีน้อมรำลึกพระบูรพาจารย์ผู้ก่อตั้งวัดต้นสายธรรม ปี 2563 ที่ผ่านมา พวกเราได้ขออนุญาตหลวงปู่เพื่อจะเก็บเอาดวงแก้วล้ำค่าภายในจดหมายเก่าๆ เพื่อมารวบรวมและร้อยเรียงเป็นสร้อยมาลัยแห่งธรรมภายใต้รูปแบบจดหมายให้ลูกศิษย์ อย่างเดียวกับที่หลวงปู่มักจะทำเสมอมาตลอด 60 ปี

สายสร้อยมาลัยธรรมนี้จะส่องแสงให้พวกเราได้ข้ามผ่านความทุกข์ขึ้นลงในโลกแห่งอวิชชาในสังสารวัฏ

 

ในวันนี้ เมื่อดวงจิตของพวกเราทุกคนร่วมกับเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์แห่งพิธีสักการะสรีรสังขารได้ผสานเข้าหากันในโลกแห่งปัจจุบันธรรมอันไม่เกิดและไม่ดับ ณ แดนขุนเขาแห่งนี้ ในวันนี้ พวกเราขออนุญาตคณะพระเถรานุเถระ พระคุณเจ้าภิกษุภิกษุณี และเพื่อนๆ ที่รักทั่วโลก ได้อนุญาตให้พวกเราได้ถวายสิ่งนี้แด่หลวงปู่ เป็นสายสร้อยมาลัยธรรมนี้ที่เพิ่งจะได้รวบรวมเป็นจดหมายที่หลวงปู่ฝากฝังและสืบทอดต่อพวกเราเหล่าศิษย์


ครูและศิษย์เราร่วมกันป่ายปีนเนินเขาแห่งศตวรรษ


กุฏิรับฟัง,

วัดตื่อเฮี้ยว,

20 พฤศจิกายน 2563


ถึงลูกๆ ทุกคนทั้งที่เป็นนักบวช สมาชิกคณะดั่งกันและกัน หรือฆราวาส เพื่อนที่รักและล้ำค่าของหลวงปู่ทุกคนทั้งใกล้ไกล

 

วันนี้เนื่องในวันรำลึกบูชาบูรพาจารย์ผู้ก่อตั้งวัดต้นสายธรรม-ตื่อเฮี้ยว ของพวกลูก ท่านคือพระอาจารย์เซนผู้มีนามตามสายธรรมว่า “ตั๊ญ เทียน” และสมัญญาว่า “ญั๊ต ดิ่ญ” ในเช้าวันนี้แสงแดดช่างงดงามและในความอ่อนโยนของผืนฟ้ากลางฤดูใบไม้ร่วงของเมืองเว้ ลูกหลานของพระบูรพาจารย์จากทุกถิ่นต่างมาร่วมตัวกันที่วัดต้นสายธรรมเพื่อร่วมพิธีและได้กราบสักการะท่าน โชคดีที่ในวันก่อน ตั้งแต่วันสักการะสถูปสรีรธาตุพระบูรพาจารย์ ลูกหลานนับร้อยของท่านก็ได้เข้ามาเยือนที่วัดในแต่ละวันเพื่อกวาดใบไม้ จัดแต่งสวนในวัด ทำความสะอาดสถูปเจดีย์ วิหารและเตรียมการสำหรับพิธีในวันนี้ด้วยความกระตือรือร้น ลูกหลานของท่านทั่วโลกต่างมุ่งตรงมายังท่านในวันนี้ สังฆะของพวกเรานี้ใหญ่มาก มีอยู่ตลอดทั่วทั้งห้าทวีป และหลวงปู่ก็มีความสุขมากที่สังฆะของเราได้สืบทอดงานของพระพุทธเจ้าและพระบูรพาจารย์ทั้งหลาย


จุดดวงจิตแห่งความสำนึกรู้คุณให้สว่าง

หลวงปู่มักจะสอนพวกลูกเสมอว่า ตราบใดที่เรายังมีความสำนึกรู้คุณ เราก็จะยังมีความสุขตราบนั้น ในช่วงวันที่ผ่านมา หลวงปู่ได้ฝึกปฏิบัติความสำนึกคุณต่อพระพุทธเจ้าและพระบูรพาจารย์ทั้งหลายที่ได้มอบหนทางจิตวิญญาณที่ทั้งสว่างและงดงามให้เราได้ก้าวเดินไป เวียดนามเป็นประเทศที่งดงามและชาวเวียดนามก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่งดงาม หลวงปู่มีความรู้คุณต่อบ้านเกิดเมืองนอนเวียดนามและครอบครัวทางสายเลือดที่ได้ให้กำเนิดหลวงปู่ สองปีที่ผ่านมา บ้านเกิดนี้ก็ได้เปิดแขนต้อนรับหลวงปู่กลับมาอีก ครั้งหลังจากหลายปีที่ห่างลาไปเพื่อเผยแผ่ธรรมในแดนไกล ในช่วงสองปีนี้ หลวงปู่มีความสุขยิ่งที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับพี่้น้องในสายธรรมและลูกหลาน ณ ดินแดนแห่งพระบูรพาจารย์ หลวงปู่ได้ไปเยี่ยมเยือนห้องเก่าของหลวงทวด และเดินสมาธิไปยังสระจันทร์เสี้ยวพร้อมกับลูกๆ และยังได้ชมจันทร์ลอยขึ้นเหนือซุ้มประตูสามบานทางเข้าหน้าวัด หนทางที่ครูและศิษย์เราเดินเริ่มต้นจากหอพระพุทธ วัดตื่อเฮี้ยว ลงไปยังสระจันทร์เสี้ยว รอบสระดาวเหนือ ผ่านซุ้มประตูสามบาน ขึ้นเนินเยืองซวน หรือเดินไปทางสุสาน หนทางเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เข้าสู่ตำนานไปแล้ว

 

พวกลูกรู้ไหมว่า ความสุขของหลวงปู่นั้นยิ่งใหญ่มาก ความสุขของหลวงปู่ยิ่งใหญ่มากจนบางทีทำให้หลวงปู่รู้สึกว่า โอบอุ้มรับเอาไว้แทบไม่ไหว แต่ละครั้งที่หลวงปู่เห็นพวกลูกเป็นอุปัฏฐากดูแลหลวงปู่ หัวใจก็จะเต็มไปด้วยความรักและหลวงปู่รู้สึกสำนึกคุณต่อพวกลูกอย่างมาก สำนึกคุณอย่างลึกซึ้ง หลวงปู่เองคิดว่าสังฆะของเราควรจะทำการปรับปรุงการกราบ 4ครั้ง หรือบุญคุณ 4 ประการ* ให้เป็นการกราบ 5 ครั้งหรือบุญคุณ 5 ประการ ในนั้นจะมีบุญคุณของลูกศิษย์นักบวช, ศิษย์คณะดั่งกันและกัน, และลูกศิษย์ฆราวาส รวมทั้งเพื่อนๆ ทุกคนที่ได้ช่วยทำให้บรรพชนและอาจารย์ของลูกได้ทำงานเผยแผ่ธรรมะและช่วยเหลือผู้คนให้สำเร็จเป็นจริงได้

 

ไม่เพียงแต่เหล่าอุปัฏฐากอย่างเดียวเท่านั้นที่ทำให้หลวงปู่มีความสุขมาก แต่พวกลูกไม่ว่าจะเป็นนักบวช สมาชิกคณะดั่งกันและกัน หรือฆราวาสทั้งที่เป็นชาวพุทธหรือไม่ใช่ชาวพุทธ ไม่ว่าจะอยู่ ณ แห่งหนใดบนโลกหรือทำสิ่งใดอยู่เพื่อปฏิบัติ แปรเปลี่ยนความทุกข์ในตนเองและผู้อื่น ทุ่มเทตนเพื่อรับใช้สังฆะหรือชุมชนของตน หรือได้มอบชีวิตของตนเพื่อผู้คนและสังคม พวกลูกทุกคนในบทบาทและหน้าที่การงานของตนก็ได้ทำให้หลวงปู่มีความสุขยิ่ง หลวงปู่ระลึกรู้คุณพวกลูกอย่างยิ่ง หลวงปู่เห็นชัดว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน พวกลูกก็กำลังสืบเนื่องหลวงปู่ต่อไปด้วยวิธีอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือด้วยหลายวิธีที่แตกต่างกัน ล้วนแล้วแต่เป็นการนำพาหลวงปู่เดินต่อเนื่องต่อไปในอนาคตทั้งสิ้น ครูและศิษย์เราจะยังคงปีนเนินเขาแห่งศตวรรษนี้ต่อไป และมอบความรัก ความเข้าใจ ความเป็นอิสระ ความมั่นคงให้แก่โลกในวันนี้และวันต่อๆ ไป พวกลูกรู้ไหมว่า สังฆะอันใหญ่ยิ่งของเรากำลังปีนเนินเขาแห่งศตวรรษเป็นภาพที่งดงามหาใดเปรียบ



สังฆะคือชุมชนอันงดงาม

ในหมู่พวกลูก มีบางคนที่เป็นนักบวช และมีบางคนเป็นฆราวาสด้วย นักบวชคือผู้ออกไป ไม่ใช่เพื่อเป็นข้าราชการหรือหาตำแหน่งชื่อเสียง แต่เพื่อเข้าสู่สังฆะของนักบวช สังฆะส่งให้เราไปที่ไหน เราก็ไปที่นั่น เราไม่มีที่พักอาศัยใดที่กำหนดประจำเพียงแห่งเดียว ในหมู่พวกลูกมีผู้ที่เป็นฆราวาส หมายถึงผู้ครองเรือน พวกลูกอาจจะยังไม่ได้บวชหรือออกจากเรือน (going forth) เพราะมีหน้าที่ต้องดูแลครอบครัว พ่อแม่ แต่ก็ยังมีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรมการปฏิบัติเช่นเดียวกัน เมื่อมีพวกลูกที่เป็นฆราวาส เราจึงมีสังฆะครบถ้วน เป็นพุทธบริษัท 4 (the fourfold community / the fourfold Sangha) เหล่านักบวชและฆราวาสจะต้องพึ่งพิงอาศัยกัน เกื้อกูลกัน ปฏิบัติเพื่อแปรเปลี่ยนและช่วยเหลือผู้คนในโลก สังฆะคือชุมชนอันงดงาม มีพุทธบริษัททั้ง 4 ครบถ้วน คือนักบวชชาย นักบวชหญิง ฆราวาสชาย ฆราวาสหญิง  “สังฆะคือชุมชนอันงดงาม ร่วมเดินบนหนทางอันเบิกบาน ปฏิบัติความหลุดพ้น มอบสันติสุขแก่ทุกชีวิต”  การกลับมาเข้าพึ่งสังฆะคือวิถีการปฏิบัติพื้นฐานของพวกเราทุกคน ช่วยให้พวกเราข้ามพ้นความกังวล หวาดกลัว และความไม่สงบในจิตใจ


แม้ชีวิตไม่เที่ยง แม้มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่เมื่อมีหนทางแล้ว ลูกไม่หวาดกลัวอีกต่อไป

ดร. มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน มีความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะสร้างชุมชนที่งดงามเช่นนี้ ชุมชนที่ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข มีความรักฉันพี่น้อง และมีความสามารถที่จะต่อสู้เพื่อโลก เขาเรียกชุมชนนั้นว่า  “The Beloved Community” เราแปลออกมาได้ว่า “สังฆะอันเป็นที่รัก” น่าเสียดายที่เขากลับถูกลอบสังหารเมื่ออายุเพียง 39 ปี ที่เมมฟิส สหรัฐฯ เขาเลยยังไม่มีโอกาสได้ทำความฝันที่งดงามอันนั้นให้เป็นจริง ครูและศิษย์เราโชคดีกว่าเขาที่ได้สร้างสังฆะเช่นนั้นทั่วโลก เพื่อให้ทุกๆ ที่ล้วนแต่เป็นบ้าน (กายแห่งสังฆะนั้นมีอยู่ในทุกที่ นี่คือบ้านที่แท้จริง) พวกเราได้สืบเนื่องปณิธานของดร. มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ และการปฏิบัติประจำวันของเราก็คือสร้างความรักฉันพี่น้อง ความเบิกบานในชีวิต ความสามารถในการช่วยเหลือผู้คน นั่นคือการสืบเนื่องและทำความฝันดังว่านั้นให้เป็นจริง นอกจากนั้น ปัญหาของโลกปัจจุบันได้กลายเป็นปัญหาของทั่วทั้งโลก พระพุทธเจ้าของศตวรรษที่ 21 ไม่อาจปรากฏในรูปแบบของปัจเจกบุคคลได้อีกต่อไป “one Buddha is not enough - พระพุทธเจ้าองค์เดียวไม่พอ” ถ้าพระศรีอาริยเมตไตรยจะมาอุบัติในศตวรรษนี้ หลวงปู่เชื่อว่าท่านจะมาปรากฏภายใต้รูปแบบของ “สังฆะอันเป็นที่รัก  - The Beloved Community”



ถ้อยฝากฝัง

วันนี้ เนื่องในวันรำลึกถึงบูรพาจารย์ผู้ก่อตั้งวัด หลวงปู่อยากจะขอเตือนพวกลูกในสิ่งที่หลวงปู่เคยเตือนพวกลูกมาก่อน เกี่ยวกับความปรารถนาที่แท้จริงของหลวงปู่ เพื่อให้ครูและศิษย์เราได้ปีนเนินเขาแห่งศตวรรษนี้ร่วมกันต่อไป หลวงปู่มีความสุขมากในแต่ละครั้งที่นึกถึงว่าครูและศิษย์เรากำลังร่วมกันปีนเนินเขาแห่งศตวรรษที่ 21 ในชั่วขณะปัจจุบันนี้ พวกเราได้ปีนมา 20ปีแล้ว (ปีนี้คือปี 2020) ปี 2050 พวกเราจะไปยืนบนยอดเนินนั้นและเมื่อมองลงมา เราจะเห็นว่ามันงามมาก งามไม่แพ้กับเมื่อเรายืนอยู่บนเขาคิชฌกูฏ ที่ประทับของพระพุทธองค์



โพธิจิต - ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ - ความรักที่ลึกซึ้ง

ก่อนอื่น หลวงปู่อยากจะให้พวกลูกได้จดจำถึงโพธิจิต หรือจิตแห่งรัก เป็นปณิธาน เป็นความฝันของนักปฏิบัติที่แท้จริง โพธิจิตเมื่ออ่อนแอลงแล้วพวกเราจะไม่มีพลังที่จะก้าวหน้าหรือทำความฝันให้เป็นจริง พวกเราออกบวชเพื่อทำให้จิตของพวกเราได้มีความรักที่ยิ่งใหญ่ ความเข้าใจที่ยิ่งใหญ่ ยอมรับ ให้อภัย เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และพร้อมจะมอบชีวิตของตนเพื่อผู้อื่น ทั้งที่เป็นสายพันธุ์เดียวกันหรือสรรพชีวิตทั้งมวลก็ตาม พวกเราออกบวชเพื่อความหลุดพ้น พ้นไปจากความหลง ความยึดติด ความเกลียดชัง ความกลัว ความสงสัย ความเข้าใจผิด และการรับรู้ที่ผิดนานัปการต่อตนเอง ต่อผู้คน และต่อชีวิต ยิ่งกว่านั้น พระอาจารย์หลินจี้ได้สอนเบิกทางไว้ในบท “สอนสังฆะ” ของท่านว่า พวกเราออกบวชเพื่อจะข้ามพ้นการเกิดและตาย มุ่งจิตสู่ทิศที่ไปพ้น ออกไปจากภพทั้งสาม

 

พวกเราจะต้องรักษาโพธิจิตของเราไว้ให้สว่างไสวงดงามเสมอ พวกเราอย่าปล่อยให้สูญเสียตัวเองไปกับวิถีชีวิตของการบริโภค เห็นแก่ตัว และรู้สึกพึงพอใจเมื่อได้รับตำแหน่งใดๆ ในสังฆะหรือในสังคม พวกเราจะต้องฝึกมองตัวเองเหมือนหยดน้ำในสายธารแห่งความหลุดพ้นของพระพุทธเจ้าและสังฆะพุทธบริษัท 4 พวกเราคือการสืบเนื่องของพระพุทธเจ้าและบรรพบุรุษทางจิตวิญญาณ รวมทั้งพระอริยาจารย์แห่งป่าไผ่, พระอาจารย์หลินจี้, พระอาจารย์เหลียวกว๊าน, พระอาจารย์ญั๊ตดิ่ญ พวกเราจะต้องเดินร่วมกันดั่งสายน้ำเดียว และพวกเราก็กำลังปีนเนินเขาแห่งศตวรรษด้วยความเบิกบานอย่างยิ่งไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะมีงานยุ่งขนาดไหน พวกลูกก็จงอยู่ตรงนั้นให้แก่กันในช่วงการรับประทานอาหารอย่างเป็นพิธี เพื่อฝึกมองให้เห็นบทบาทของตนในสายธารแห่งความหลุดพ้นนั้น เพื่อฝึกที่จะใช้ชีวิตอย่างสมานฉันท์กลมกลืนร่วมกันกับเหล่าหลวงพี่หลวงน้อง พี่น้องคณะดั่งกันและกัน และเพื่อนๆ ทุกคนที่มาเข้าพึ่งและปฏิบัติร่วมกับเรา เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นหยดน้ำโดดเดี่ยวของการแบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งกลุ่ม ภายในสายธารแห่งความหลุดพ้นนั้น ถ้าพวกเราไม่ยึดติดกับสถานะ ตำแหน่ง ทรัพย์สิน คำชม ฯลฯ ถ้าพวกเรารู้จักที่จะเดินร่วมกับสังฆะดั่งสายน้ำเดียวกัน ไม่ใช่ดั่งหยดน้ำโดดเดี่ยว พวกเราจะมีโอกาสมากมายที่จะทำให้ความฝันเป็นจริง ถูกไหมลูก?


จุดประกายความตระหนักรู้แห่งรัก

พวกเราจะต้องหล่อเลี้ยงความรักฉันพี่น้อง ความรักดังครอบครัวเดียวกันนี้ให้ได้ พวกเราจะต้องรักกันเหมือนพี่น้องท้องเดียวกันของครอบครัวใหญ่ รู้จักที่จะเคารพผู้สูงกว่าและให้โอกาสแก่ผู้อ่อนกว่า แม้บางครั้งในพวกเราก็มีคนที่บกพร่องและสร้างความลำบากให้แก่กัน แต่นั่นก็ไม่ใช่เพราะเจตนา หลวงปู่เองก็ยังมีข้อบกพร่องและหลวงปู่ก็รู้ดีว่าพวกลูกพร้อมจะให้อภัยหลวงปู่เสมอ หลวงปู่รู้คุณพวกลูกอย่างลึกซึ้ง ลูกๆ ทำให้หลวงปู่มีความสุขมาก และความสุขของหลวงปู่ก็ยิ่งใหญ่ขึ้นทุกวัน เมื่อเห็นพวกลูกรักกันและให้อภัยไม่ถือสาต่อความผิดพลาดของกันและกัน ใครๆ ในหมู่พวกเราต่างก็รู้ว่า ยิ่งมีความสามัคคีและความรัก พวกเราก็จะยิ่งช่วยเหลือผู้คนและเป็นที่พึ่งของผู้คนได้มากขึ้น หลวงปู่เห็นว่า พวกเราต่างก็กำลังก้าวเดินไปร่วมกันบนหนทางการปฏิบัติและแปรเปลี่ยน ทุกคนต่างได้รับการแปรเปลี่ยน บางคนอาจจะไวกว่า บางคนอาจจะช้ากว่าเท่านั้นเอง

 

ไม่เพียงแต่การตักอาหารและการรับประทานอาหารในพิธีการเท่านั้นที่ช่วยให้พวกเราได้เข้าสู่สายธารแห่งความหลุดพ้นของพระพุทธเจ้าและสังฆะพุทธบริษัท 4 แต่การฝึกปฏิบัตินี้ช่วยให้ลูกได้ฝึกความถ่อมตนและปณิธานที่จะช่วยเหลือสรรพชีวิตของภิกษุหรือภิกษุณีรูปหนึ่ง ของสมาชิกคณะดั่งกันและกัน ของฆราวาสชาวพุทธ เพื่อให้พวกลูกเป็นลูกของพระพุทธเจ้าและเหล่าพระบูรพาจารย์ที่แท้จริง ชีวิตของนักบวชนั้นทั้งถ่อมตนและเรียบง่าย หลวงทวดของพวกลูก พระอาจารย์ทัญกุ๊ยเป็นคนที่มีความถ่อมตนอย่างยิ่ง ในอดีตเวลามีเหล่าพระเถระที่เกรงใจและไม่กล้านมัสการหลวงทวด ท่านก็จะน้อมตัวลงไหว้จนต่ำและลึกซึ้งเพื่อแสดงความถ่อมตนและเคารพผู้อื่น ธรรมชาติของท่านเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครมากราบไหว้ แต่เพราะท่านเป็นครูบาอาจารย์ ท่านจึงต้องยอมให้ผู้อื่นได้กราบไหว้ เมื่อพระเถระจี๊เหนี่ยมสร้างเจดีย์ถวายหลวงทวด หลวงทวดต้องแนะนำว่าให้ประดิษฐานรูปพระพุทธองค์ไว้บนเจดีย์ เพื่อว่าต่อไปเมื่อมีคนมากราบไหว้เจดีย์ ท่านก็อยากจะให้นั่นเป็นการกราบไหว้พระพุทธองค์ ไม่ใช่ตัวท่าน ที่วัดตื่อเฮี้ยว ทุกคนต่างรับรู้เรื่องนั้น ครูและศิษย์เราก็กำลังเรียนรู้ความถ่อมตนเช่นนั้นของพระอาจารย์ทัญกุ๊ย ความถ่อมตนนั้นจะทำให้พวกเราได้คงเป็นเราเสมอไป



เจดีย์แห่งความเป็นดั่งกันและกัน ซึมซาบเข้าถึงกัน

พวกเราไม่ได้ออกบวชเพื่อจะได้รับความเคารพบูชาและของถวายจากทายกผู้ศรัทธาทั้งหลาย เพื่อจะได้ร่ำรวยหรูหรา มีชื่อเสียง และมีอำนาจ แต่ในทางกลับกัน พวกเราจะต้องเข้าใจธรรมชาติของความเป็นดั่งกันและกัน ความซึมซาบเข้าถึงแห่งชีวิต พวกเราตระหนักถึงคุณค่า ความรัก และความเคารพทุกๆ การปรากฏในชีวิต  “Reverence is the nature of my love” (ความนอบน้อมคือธรรมชาติแห่งรักของเรา) พวกเราออกบวชก็เพราะความสุขและความเบิกบานที่แท้จริงมาจากความหลุดพ้น เป็นอิสระจากความวุ่นวายและเงื่อนปมผูกมัด รวมทั้งความยึดติดในความรู้และความเข้าใจที่ผิดต่อธรรมชาติแห่งชีวิต ชีวิตคือความไม่เที่ยงแต่พวกเรามองว่ามันเที่ยงแท้ถาวร นั่นคือความผิดพลาดที่สุด คือพวกเราเห็นว่าเราเป็นตัวตนเอกเทศ โดยไม่ได้เห็นว่าเราเป็นดั่งกันและกัน และซึมซาบเข้าหากันกับทุกสรรพสิ่งในจักรวาล

 

ในอดีต หลวงย่าด่ามเหงวี่ยนได้สร้างเจดีย์ให้หลวงปู่ เจดีย์อยู่ที่วัดดิ่ญกว๊าน เมืองฮานอย หลวงปู่สอนว่า หลวงย่าเผลอสร้างไปแล้วก็จะต้องเขียนป้ายติดไว้หน้าเจดีย์ว่า “ในนี้ไม่มีอะไร” หลวงปู่ไม่ได้อยู่ข้างในนั้น แต่ถ้าคนเขายังไม่เข้าใจอีกก็ให้เขียนอีกป้ายติดไว้ว่า “ข้างนอกนั้นก็ไม่มีอะไร” และถ้าเขายังไม่เข้าใจอีก ก็ให้เขียนคำสุดท้ายว่า “ถ้าจะมีอะไร นั่นก็อยู่ในก้าวเดินและลมหายใจของเธอ” สำหรับหลวงปู่ วิถีการปฏิบัติที่นำมาซึ่งการแปรเปลี่ยนและเยียวยาให้แก่คนร่วมสมัย นั่นแหละคือเจดีย์ของหลวงปู่ ไม่ว่าจะที่วัดธรรมเมฆ (วัดบน หมู่บ้านพลัมฝรั่งเศส) วัดตื่อเฮี้ยว หรือศูนย์ปฏิบัติที่ไหนก็ตามของหมู่บ้านพลัมบนโลกนี้ล้วนแต่มีเจดีย์องค์นั้น ซึ่งไม่ได้เป็นเจดีย์ที่สร้างด้วยอิฐปูน แต่เป็นเจดีย์ของการปฏิบัติ เหล่านักบวช ภิกษุ ภิกษุณี สามเณร สามเณรี คณะดั่งกันและกัน ฆราวาส และมิตรสหายของหมู่บ้านพลัม ไม่ว่าใครที่มาเยือนก็จะถูกเชื้อเชิญให้เข้าไปในเจดีย์องค์นั้น ซึ่งก็คือ “การเดินในวิถีแห่งสติ ดื่มชาอย่างมีสติ รู้จักพูดถ้อยคำที่เปี่ยมรักและรับฟังกันและกัน”


หลวงปู่ไม่อยากให้หลวงปู่ต้องมีเจดีย์ เพราะหลวงปู่เห็นชัดว่า หลวงปู่ไม่ได้มีตัวตนที่แยกเป็นเอกเทศ และไม่มีชั่วขณะใดเลยที่หลวงปู่จะไม่ปรากฏตัว ในบทกวี “โปรดเรียกฉันด้วยนามอันแท้จริง” หลวงปู่ได้เขียนไว้ว่า


อย่ากล่าวว่าฉันจะจากไปในวันพรุ่งนี้ แม้วันนี้ฉันก็ยังกำลังมาถึง ดูให้ดี ฉันกำลังมาถึงทุกชั่วขณะ ทุกวินาที เป็นตุ่มตาแรกผลิของกิ่งไม้ยามวสันต์ เป็นนกน้อยปีกบาง  หัดขับขานอยู่ในรังใหม่ เป็นดักแด้อยู่กลางดวงดอกไม้  เป็นเพชรพลอยซ่อนอยู่ในเนื้อหิน ฉันยังคงมาถึง เพื่อหัวเราะและร้องไห้  เพื่อกลัวและเพื่อหวัง จังหวะหัวใจฉันคือกำเนิดและความตายของสรรพชีวิตในชั่วขณะเดียว

2 ปีก่อนที่เมืองไทย หลวงปู่ได้สอนเหล่าหลวงพี่ผู้ใหญ่ว่า หลังจากนี้ไป เมื่อถึงมรณกาลของหลวงปู่ พวกลูกจะจัดพิธีด้วยดวงจิตตามหัวใจของบทกวีข้างต้น ตลอดช่วงเวลาของพิธีนั้นจะมีงานภาวนา “ความเงียบอันประเสริฐ” (noble silent retreat)  ภายใน 5 วันเพื่อให้สังฆะได้มีโอกาสพิจารณาการปรากฏของหลวงปู่ในแต่ละชั่วขณะ แต่ละวินาที เพื่อให้หลวงปู่ได้ปรากฏอยู่ในทุกการปรากฏของชีวิต หลวงปู่ปรารถนาอย่างยิ่งว่าลูกๆ ของหลวงปู่ ทั้งที่เป็นนักบวช คณะดั่งกันและกัน ศิษย์ฆราวาส และมิตรสหายทั้งหลาย ทุกคนจะได้สร้างเจดีย์ถวายหลวงปู่ด้วยการปฏิบัติของตนในแต่ละชั่วขณะของชีวิตประจำวัน ในงานภาวนาความเงียบอันประเสริฐนี้ ครูและศิษย์เรา จะเดินในวิถีแห่งสติ ดื่มชาอย่างมีสติ   รู้จักพูดถ้อยคำที่เปี่ยมรัก และรับฟังกันและกัน หลังพิธีสิ้นสุดลง พวกลูกจงนำเถ้าอังคารของหลวงปู่โปรยไปให้ทั่วข้างนอกเพื่อเลี้ยงต้นไม้ใบหญ้า ให้ต้นไม้ได้งอกงาม อย่าได้กีดขวางการสืบเนื่องต่อไปของเถ้าถ่านเหล่านั้น

 

ในการเดินทางเผยแผ่ธรรมที่เมืองจีน ฤดูใบไม้ร่วง ปี 2001 ที่ปักกิ่ง หลวงปู่ได้รับข่าวจากภิกษุณีจรุงจิ๊ญว่า ไถ่ย๊ากทัญ เจ้าอาวาสวัดเดียร์พาร์ค สหรัฐฯ กำลังใกล้สิ้นลมที่โรงพยาบาล หลวงปู่ได้เขียนและส่งมอบคาถาต่อไปนี้ให้แก่ท่าน ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ:


ผู้กล้ามีนามเป็นที่รู้จัก กิจที่ต้องทำได้ทำแล้ว สถูปเพิ่งตั้ง ณ เชิงเขา เสียงหัวเราะเด็กน้อยก้องกังวาน

หลวงปู่ได้ฝากฝังและแนะนำไถ่ย๊ากทัญด้วยความรักและเชื่อมั่นมากมาย หลวงปู่ได้บอกให้ท่านเป็นอิสระและพักผ่อนเถิด ครูและศิษย์เราก็จะยังได้พบกันและทำงานร่วมกัน จับมือกันปีนเนินเขาแห่งศตวรรษนั้นต่อไปอย่างแน่นอน ในอดีตหลวงปู่ได้บอกกับไถ่ย๊ากทัญเช่นนี้ และในวันที่รำลึกถึงบูรพาจารย์ผู้ก่อตั้งวัดต้นสายธรรม หลวงปู่ก็อยากจะขอพูดกับลูกเช่นนั้น พระพุทธเจ้า เหล่าพระบูรพาจารย์ ครูและศิษย์เราจะยังคงจับมือกันปีนเนินเขาแห่งศตวรรษต่อไป


ย้อนมองดูเถิด ครูกำลังอยู่ในตัวเธอ และในแต่ละรอยยิ้มแห่งดอกไม้ ใบหญ้า หากเรียกชื่อครู เธอก็จะเห็นครูได้ทันที เธอไปไหน? ต้นไม้โบราณได้ผลิดอกเบ่งบาน หอมทั่วเช้านี้ ครูและศิษย์เรายังไม่เคยห่างจากกันจริงๆเลย ฤดูใบไม้ผลิมาถึง โคนสนได้แตกหน่อสีเขียวสดใหม่ และณ ชายป่า ดอกเหมยกำลังผลิบาน


หลวงปู่เห็นตัวเองในตัวลูก หลวงปู่เห็นว่าตัวเองไม่ตาย

หลวงปู่กราบพระพุทธองค์ได้ทรงปกป้องลูกๆ ของหลวงปู่ให้ได้รับความปลอดภัยและสงบสบายภายใจกายและในใจ และหล่อเลี้ยงความสุข เพื่อเป็นที่พึ่งให้กับสังฆะและเป็นที่พึ่งให้กับทุกคน หลวงปู่เห็นชัดว่า พวกลูกคือการสืบเนื่องของพระพุทธเจ้า  เหล่าพระบูรพาจารย์ และของหลวงปู่ หลวงปู่เห็นว่าหลวงปู่อยู่ในตัวลูก หลวงปู่เห็นว่าหลวงปู่ไม่ได้ตาย หลวงปู่เชื่อมั่นในตัวพวกลูก ความเชื่อมั่นนี้มั่นคงโดยไม่มีใครจะมาสั่นคลอนได้ หลวงปู่โอบอุ้มพวกลูกทุกคนไว้ในหัวใจด้วยความรักและเชื่อมั่นทั้งหมด หลวงปู่ขออธิษฐานต่อพระพุทธเจ้าและเหล่าพระบูรพาจารย์ได้มอบพลังให้แก่พวกลูกทุกคน


ลมยังคงพัด เธอรู้ไหม

เมื่อฝนจากไกล ต้อนรับเมฆเข้ามาใกล้

อณูแดดจากเบื้องบนโปรยลงมา

เพื่อให้ใจกลางแผ่นดินได้เห็นท้องฟ้าครามใส

ฉันยังคงมาและไปในความเป็นอิสระ

ไม่สับสนวุ่นวายด้วย มีหรือไร้ คงอยู่หรือสูญสิ้น

ก้าวเดินของเธอจงกลับมาด้วยความเสรี

ไม่เต็มและไม่พร่อง คือจันทร์ดวงเดิม


ด้วยรักและเชื่อมั่น

หลวงปู่




bottom of page