Happiness ? สันติสุขกับฉันติดสุข Dear friends, This is a sharing about novice life from brother Phap Nguyen on the year 2009. The content only available in Thai language. ช่วงงานภาวนาภาษาฝรั่งเศสในฤดูใบไม้ผลิ ปี 2552 หลวงปู่ได้พูดเรื่องทำอย่างไรที่จะระลึกรู้ถึงปัจจัยแห่งความสุข ที่เรามีอยู่แล้วในตัวเรา และรอบๆ ตัวเรา เป็นหัวข้อที่สำคัญและมีความจำเป็นมากสำหรับผู้คนในปัจจุบันนี้ หลวงปู่บอกว่า "ทุกๆ เช้าเมื่อเราตื่นขึ้นมาและได้ยินเสียงนกร้อง นั่นแหละคือความสุข" ของขวัญอันยิ่งใหญ่ของชีวิตคือการที่เรารับรู้ว่าเรามีดวงตาที่ดีทั้งสอง ข้าง มีหัวใจอันสมบูรณ์แข็งแรง มีผู้คนมากมายที่โชคไม่ดีพอที่สามารถเห็นและได้ยิน มีผู้คนมากมายที่กำลังเป็นทุกข์เพราะชีวิตจบลงด้วยความเจ็บป่วย วันนั้น เรารับประทานอาหารอย่างเป็นทางการร่วมกัน เป็นการรับประทานอาหารในความเงียบ กับหลวงปู่และสังฆะในห้องสมาธิใหญ่อย่างพร้อมเพรียง บรรยากาศนั้นเคร่งขรึมและสง่างามมาก ในตอนบ่าย เรามีการแลกเปลี่ยนสนทนาธรรมกัน ระหว่างการสนทนาธรรมมีผู้ปฏิบัติหญิงชาวฝรั่งเศสท่านหนึ่งได้แลกเปลี่ยนว่า เธอเห็นด้วยว่ามีบางสิ่งพิเศษเกิดขึ้นระหว่างการรับประทานอาหารร่วมกัน แต่เธอก็ไม่สามารถรู้สึกถึงความสุขที่แท้จริง และจุดมุ่งหมายของการรับประทานอาหารเช่นนั้นเลย เธอยังบอกว่า เธอรู้สึกสงสารบรรดานักบวช เพราะความสุขที่เหล่าภิกษุและภิกษุณีมีนั้นช่างง่ายดายเหลือเกิน ยกตัวอย่างเช่น เพียงการรับประทานไอศกรีม ก็เป็นแหล่งที่มาแห่งความสุขสำหรับพระภิกษุและภิกษุณีได้แล้ว ในขณะที่เธอสามารถซื้อไอศกรีมได้ทั้งกล่อง และรับประทานได้มากเท่าที่เธอต้องการ ภิกษุและภิกษุณีมีความสุขเพียงได้มองดูก้อนเมฆ เห็นพระอาทิตย์ และเบิกบานกับดอกไม้ ช่างเป็นความสุขอันน้อยนิดเสียนี่กระไร จากการฟังสิ่งที่เธอแลกเปลี่ยน หลวงพี่ไม่ได้ตกใจหรือประหลาดใจแม้แต่น้อย เพราะหลวงพี่รู้ดีว่ามีผู้คนมากมายมีความคิดเช่นนี้ จากการแลกเปลี่ยนนั้น หลวงพี่ได้มองย้อนไป และคิดทบทวนถึงความแตกต่างระหว่างความสุขในแบบที่ยังเป็นฆราวาส และความสุขที่หลวงพี่ได้รับเมื่อเป็นนักบวช หลวงพี่เป็นคนเวียดนาม-อเมริกัน เมื่อเรียนอยู่ชั้นมัธยม หลวงพี่เรียนอย่างหนักเพื่อให้สอบได้เกรดดีๆ และได้รับเลือกให้เข้าไปศึกษาในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง หลังจากเข้ามหาวิทยาลัยที่ใฝ่ฝันได้แล้ว หลวงพี่ก็ทุ่มเทเวลากับการเรียนเต็มที่เพื่อให้ได้เกียรตินิยม โดยคาดหวังว่าปริญญาเกียรตินิยมจะช่วยให้หลวงพี่ได้งานที่ดี และสามารถช่วยเหลือครอบครัวที่เวียดนามและอเมริกาในด้านการเงินได้ หลังจากทุ่มเทในการเรียน 4 ปี ในที่สุดวันอันยิ่งใหญ่ก็มาถึง หลวงพี่จบปริญญาตรี 2 ใบ ด้านการเงินและธุรกิจระหว่างประเทศ และหลวงพี่ก็ยังอยากเรียนต่อปริญญาโทด้านกฎหมายระหว่างประเทศ และนโยบายการต่างประเทศอีกด้วย แต่หลังจากคิดทบทวนแล้ว หลวงพี่ตัดสินใจเลื่อนการเรียนปริญญาโทไปก่อน เพื่อที่จะหารายได้มาจุนเจือครอบครัวและหาประสบการณ์จากการทำงาน โชคดีที่ก่อนเร
Dear friends, This is a sharing about novice life from brother Phap Nguyen on the year 2009. The content only available in Thai language. ช่วงงานภาวนาภาษาฝรั่งเศสในฤดูใบไม้ผลิ ปี 2552 หลวงปู่ได้พูดเรื่องทำอย่างไรที่จะระลึกรู้ถึงปัจจัยแห่งความสุข ที่เรามีอยู่แล้วในตัวเรา และรอบๆ ตัวเรา เป็นหัวข้อที่สำคัญและมีความจำเป็นมากสำหรับผู้คนในปัจจุบันนี้ หลวงปู่บอกว่า "ทุกๆ เช้าเมื่อเราตื่นขึ้นมาและได้ยินเสียงนกร้อง นั่นแหละคือความสุข" ของขวัญอันยิ่งใหญ่ของชีวิตคือการที่เรารับรู้ว่าเรามีดวงตาที่ดีทั้งสอง ข้าง มีหัวใจอันสมบูรณ์แข็งแรง มีผู้คนมากมายที่โชคไม่ดีพอที่สามารถเห็นและได้ยิน มีผู้คนมากมายที่กำลังเป็นทุกข์เพราะชีวิตจบลงด้วยความเจ็บป่วย วันนั้น เรารับประทานอาหารอย่างเป็นทางการร่วมกัน เป็นการรับประทานอาหารในความเงียบ กับหลวงปู่และสังฆะในห้องสมาธิใหญ่อย่างพร้อมเพรียง บรรยากาศนั้นเคร่งขรึมและสง่างามมาก ในตอนบ่าย เรามีการแลกเปลี่ยนสนทนาธรรมกัน ระหว่างการสนทนาธรรมมีผู้ปฏิบัติหญิงชาวฝรั่งเศสท่านหนึ่งได้แลกเปลี่ยนว่า เธอเห็นด้วยว่ามีบางสิ่งพิเศษเกิดขึ้นระหว่างการรับประทานอาหารร่วมกัน แต่เธอก็ไม่สามารถรู้สึกถึงความสุขที่แท้จริง และจุดมุ่งหมายของการรับประทานอาหารเช่นนั้นเลย เธอยังบอกว่า เธอรู้สึกสงสารบรรดานักบวช เพราะความสุขที่เหล่าภิกษุและภิกษุณีมีนั้นช่างง่ายดายเหลือเกิน ยกตัวอย่างเช่น เพียงการรับประทานไอศกรีม ก็เป็นแหล่งที่มาแห่งความสุขสำหรับพระภิกษุและภิกษุณีได้แล้ว ในขณะที่เธอสามารถซื้อไอศกรีมได้ทั้งกล่อง และรับประทานได้มากเท่าที่เธอต้องการ ภิกษุและภิกษุณีมีความสุขเพียงได้มองดูก้อนเมฆ เห็นพระอาทิตย์ และเบิกบานกับดอกไม้ ช่างเป็นความสุขอันน้อยนิดเสียนี่กระไร จากการฟังสิ่งที่เธอแลกเปลี่ยน หลวงพี่ไม่ได้ตกใจหรือประหลาดใจแม้แต่น้อย เพราะหลวงพี่รู้ดีว่ามีผู้คนมากมายมีความคิดเช่นนี้ จากการแลกเปลี่ยนนั้น หลวงพี่ได้มองย้อนไป และคิดทบทวนถึงความแตกต่างระหว่างความสุขในแบบที่ยังเป็นฆราวาส และความสุขที่หลวงพี่ได้รับเมื่อเป็นนักบวช หลวงพี่เป็นคนเวียดนาม-อเมริกัน เมื่อเรียนอยู่ชั้นมัธยม หลวงพี่เรียนอย่างหนักเพื่อให้สอบได้เกรดดีๆ และได้รับเลือกให้เข้าไปศึกษาในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง หลังจากเข้ามหาวิทยาลัยที่ใฝ่ฝันได้แล้ว หลวงพี่ก็ทุ่มเทเวลากับการเรียนเต็มที่เพื่อให้ได้เกียรตินิยม โดยคาดหวังว่าปริญญาเกียรตินิยมจะช่วยให้หลวงพี่ได้งานที่ดี และสามารถช่วยเหลือครอบครัวที่เวียดนามและอเมริกาในด้านการเงินได้ หลังจากทุ่มเทในการเรียน 4 ปี ในที่สุดวันอันยิ่งใหญ่ก็มาถึง หลวงพี่จบปริญญาตรี 2 ใบ ด้านการเงินและธุรกิจระหว่างประเทศ และหลวงพี่ก็ยังอยากเรียนต่อปริญญาโทด้านกฎหมายระหว่างประเทศ และนโยบายการต่างประเทศอีกด้วย แต่หลังจากคิดทบทวนแล้ว หลวงพี่ตัดสินใจเลื่อนการเรียนปริญญาโทไปก่อน เพื่อที่จะหารายได้มาจุนเจือครอบครัวและหาประสบการณ์จากการทำงาน โชคดีที่ก่อนเร